แผ่นดินทองฯ สนซื้อกรุงเทพบ้านและที่ดินฯ เตรียมเสนอบอร์ดอนุมัติกลางเดือนนี้ ด้านโกลเด้นแลนด์ เรสซิเด้นซ์ฯ เผยยอดขาย 10 เดือนทะลุ 3,400 ล้านบาท คาดทั้งปียอดขายเตะ 3,800 ล้านบาท ปี 58 เตรียมเปิด 12-15 โครงการ มูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ล่าสุดจับมือการไฟฟ้านครหลวง จัดทำ One Bill Payment
นายแสนผิน สุขี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเด้นแลนด์ เรสซิเด้นซ์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GOLD ซึ่งเป็นบริษัทแม่มีความสนใจที่จะซื้อหุ้นบริษัท กรุงเทพบ้านและที่ดิน จำกัด (มหาชน) หรือ KLAND โดยคาดว่าจะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทพิจารณาอนุมัติในช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้
สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัท โกลเด้นแลนด์ฯ ในปี 2558 จะมีแผนเปิดโครงการใหม่ประมาณ 12-15 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท ในไตรมาส 4 นี้มีแผนเปิดตัวใหม่อีก 1 โครงการ คือ “โกลเด้น ทาวน์ วัชรพล-สุขาภิบาล 5” พัฒนาในรูปแบบทาวน์โฮม บนพื้นที่ทั้งหมด 30 ไร่ ขนาด 20-25 ตารางวา ราคาเริ่มต้นที่ 1.99 ล้านบาท จำนวน 281 ยูนิต มูลค่าโครงการ 860 ล้านบาท โดยจะเริ่มเปิดพรีเซลในเดือนพฤศจิกายน 2557 นี้
นายแสนผิน กล่าวเพิ่มว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ยังคงชะลอตัว แม้การเมืองจะนิ่งแล้วก็ตาม เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่ฟื้น รวมถึงภาคการส่งออกไม่เติบโต ทำให้ยอดขายอสังหาฯ โดยรวมของทั้งอุตสาหกรรมไม่ค่อยดีเท่าที่ควร และคาดว่าจะชะลอตัวไปจนถึงปลายปีนี้ ดังนั้น จึงอยากให้รัฐบาลออกมาตรการช่วยกระตุ้นให้ตลาดฟื้นตัว เกิดการจับจ่ายใช้สอย นอกจากนี้ การที่หนี้ครัวเรือนปรับเพิ่มขึ้นยังส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาฯ ทำให้ยอดการปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงิน (รีเจกต์) โดยรวมเพิ่มเกือบ 30% โดยทาวน์เฮาส์ มียอดรีเจกต์ กว่า 30% และบ้านเดี่ยวกว่า 20%
ล่าสุด บริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.)ในโครงการร่วมมือศึกษาและพัฒนาการให้บริการไฟฟ้านครหลวงให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และทันต่อความต้องการของลูกค้า ซึ่งทำให้ลดขั้นตอนการดำเนินงาน ลดเวลาและลดการขนส่งได้มาก ได้แก่ 1.ระบบ One Bill Payment เป็นการรวบรวมใบแจ้งค่าไฟฟ้าของ กฟน. เพียง 1 ใบต่อ 1 เดือน จากเดิมแยกเป็น ค่าไฟถนน ค่าไฟสโมสร ค่าไฟลูกบ้านก่อนโอน และส่งไปที่แต่ละโครงการให้มารวมเพียงบิลเดียว ช่วยลดค่าใช้จ่าย และลดความผิดพลาดจากการรับ-ส่งเอกสาร และลดระยะเวลาการทำงาน
2.ระบบตรวจสอบสายไฟฟ้าภายในโครงการ โดยพัฒนาให้บริษัทสามารถเป็นผู้ตรวจสอบเองแล้ว และส่งเอกสารให้การไฟฟ้าตรวจสอบ แล้วอนุมัติผ่านเรื่องให้ติดตั้งมิเตอร์อย่างรวดเร็ว โดยมีเจ้าหน้าที่จาก กฟน. เข้าสุ่มตรวจที่หน้างานอีกครั้ง 3.ระบบการขอติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้า โดยใช้การวางหนังสือค้ำประกันแบบรวมไว้ล่วงหน้า ซึ่งจะทำให้สะดวกในการขอใช้บริการ โดยบริษัทฯ จะชำระเพียงค่าติดตั้งไฟฟ้าเท่านั้นในขณะยื่นขอใช้บริการแต่ละครั้ง
และ 4.ลดเอกสารการยื่นขอโอนเปลี่ยนชื่อผู้ขอไฟฟ้า โดยจะใช้เอกสารในการยื่นเพียง 1 ชุดต่อการยื่น 1 ครั้ง สำหรับหลายๆ มิเตอร์ โดยในเบื้องต้นบริษัทฯ ได้วางวงเงินค้ำประกันไว้ 20 ล้านบาท หากมีการพัฒนาโครงการมากขึ้นก็ต้องวางวงเงินค้ำประกันเพิ่ม
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา สามารถทำยอดขายได้แล้ว 3,400 ล้านบาท เกินเป้าที่ตั้งไว้ทั้งปี 3,000 ล้านบาท และมียอดโอนแล้วประมาณ 1,300 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยโอนภายในไตรมาส 4 อีกประมาณ 1,000 ล้านบาท ทำให้มียอดโอนทั้งปีประมาณ 2,300 ล้านบาท สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 2,200 ล้านบาท