ASTVผู้จัดการรายวัน- "เคแลนด์ฯ"หนึ่งในอาณาจักรธุรกิจอสังหาฯของกลุ่มเจ้าสัว"เจริญ"โชว์ผลงานปี 56 มียอดขายรวมทั้งแนวราบและแนวสูงกว่า 3,200 ล้านบาท วางเป้าปี 57 ยอดขายรวม 3,500 ล้านบาท พร้อมเปิดตัวโครงการบ้านระดับพรีเมียม "เดอะ แกรนด์ ปิ่นเกล้า" มั่นใจผู้บริโภคมีความต้องการสูง เพิ่มทางเลือกเปิดโปรดักส์ใหม่โครงการทาวน์เฮาส์คาดไตรมาส 3 ทำระดับราคาไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท เผยยังเหลือโครงการที่พัฒนาต่อได้อีกมูลค่ากว่า 17,000 ล้านบาท
นายชวินธร คุณากรปรมัตถ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท กรุงเทพบ้านและที่ดิน จำกัด (มหาชน) หรือ KLAND (ซึ่งมีบริษัท เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ ที่มีครอบครัว สิริวัฒนภักดี ถือหุ้นกว่า 90.3% โดยที่บริษัทดังกล่าวถือหุ้นอยู่ในเคแลนด์) ได้ฉายถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาสแรกของปี 57 ว่า ชะลอตัว เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่นิ่ง แต่กระนั้นก็คาดการณ์ว่าในไตรมาสสอง ตลาดจะกลับมาฟื้นตัวและในไตรมาสถัดไปจะกลับมาดียิ่งขึ้น
" ในช่วง 4 เดือนแรกตลาดยังคงชะลอตัวอันเนื่องมาจากสถานการณ์ทางการเมืองที่รุนแรง อย่างไรก็ตามบริษัทมั่นใจว่าตลาดบ้านยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยจากในปัจจุบันได้มีการขยายเมืองออกไปรอบๆกทม.และปริมณฑลมากยิ่งขึ้น และ ความต้องการของผู้บริโภคยังมีอยู่สูง สำหรับแนวสูงโดยเฉพาะคอนโดมิเนียม บริษัทยังเชื่อว่าเป็นสินค้าที่ยังได้รับความสนใจอยู่มาก เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าในวัยทำงานที่ต้องการหาที่พักใกล้ที่ทำงาน ใจกลางเมือง และ ติดแนวรถไฟฟ้า"
อย่างไรก็ตามในปี 2557 บริษัทได้ตั้งเป้ามียอดรับรู้รายได้ที่ประมาณ 3,500 ล้านบาท โต20% ซึ่งในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา บริษัทมียอดรับรู้รายได้ 700 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบ 600 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียมในโครงการ เดอะ พาโน 100 ล้านบาท ขณะที่ในไตรมาสแรกที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดตัวโครงการ "เดอะ แกรนด์ ปิ่นเกล้า"บนพื้นที่ 187 ไร่ จำนวน 2 เฟส ซึ่งเปิดการขายพร้อมกัน จำนวน 360 ยูนิต มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท ขณะนี้มียอดขายแล้วเกือบ 200 ล้านบาท และโอนกรรมสิทธิ์ได้แล้ว 130 ล้านบาท เนื่องจากจะเป็นบ้านหรูที่สร้างใกล้เสร็จ ทำให้ตัวเลขยอดขายและยอดรับรู้รายได้ห่างกันไม่กี่เดือน
นอกจากนี้ ภายในไตรมาส 3 บริษัทมีแผนเปิดโครงการทาวน์เฮาส์ แบรนด์ใหม่ ย่านพระราม5 อีก 1 โครงการ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 18 ไร่ ขนาด 20 ตารางวา ในระดับราคาไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท จำนวน 160-170 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 500 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทได้เตรียมงบซื้อที่ดินประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2556 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถทำยอดรับรู้รายได้ที่ 3,200 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากโครงการแนวราบ 2,175 ล้านบาท และ โครงการคอนโดมิเนียมในโครงการ”เดอะพาโน” 1,000 ล้านบาท เติบโต 20-30%
ในส่วนของโครงการที่ดำเนินและพัฒนาอยู่ ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการระดับบน เป็นบ้านหรูระดับพรีเมียมที่เจาะกลุ่มลูกค้านักธุรกิจ ผู้บริหารระดับสูง โดยมีแบรนด์ เดอะ แกรนด์ เป็นโครงการระดับบน ทั้งนี้ บริษัทยังเหลือที่ดินที่จะสามารถพัฒนาโครงการในระยะยาวซึ่งมีมูลค่าประมาณ 17,000 ล้านบาท โดยบริษัทอยู่ระหว่างการอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในการกระจายหุ้นไอพีโอจำนวน 620 ล้านหุ้น แต่ทั้งนี้ จะดำเนินการได้ภายในปีนี้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของประเทศ.
นายชวินธร คุณากรปรมัตถ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท กรุงเทพบ้านและที่ดิน จำกัด (มหาชน) หรือ KLAND (ซึ่งมีบริษัท เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ ที่มีครอบครัว สิริวัฒนภักดี ถือหุ้นกว่า 90.3% โดยที่บริษัทดังกล่าวถือหุ้นอยู่ในเคแลนด์) ได้ฉายถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาสแรกของปี 57 ว่า ชะลอตัว เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่นิ่ง แต่กระนั้นก็คาดการณ์ว่าในไตรมาสสอง ตลาดจะกลับมาฟื้นตัวและในไตรมาสถัดไปจะกลับมาดียิ่งขึ้น
" ในช่วง 4 เดือนแรกตลาดยังคงชะลอตัวอันเนื่องมาจากสถานการณ์ทางการเมืองที่รุนแรง อย่างไรก็ตามบริษัทมั่นใจว่าตลาดบ้านยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยจากในปัจจุบันได้มีการขยายเมืองออกไปรอบๆกทม.และปริมณฑลมากยิ่งขึ้น และ ความต้องการของผู้บริโภคยังมีอยู่สูง สำหรับแนวสูงโดยเฉพาะคอนโดมิเนียม บริษัทยังเชื่อว่าเป็นสินค้าที่ยังได้รับความสนใจอยู่มาก เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าในวัยทำงานที่ต้องการหาที่พักใกล้ที่ทำงาน ใจกลางเมือง และ ติดแนวรถไฟฟ้า"
อย่างไรก็ตามในปี 2557 บริษัทได้ตั้งเป้ามียอดรับรู้รายได้ที่ประมาณ 3,500 ล้านบาท โต20% ซึ่งในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา บริษัทมียอดรับรู้รายได้ 700 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบ 600 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียมในโครงการ เดอะ พาโน 100 ล้านบาท ขณะที่ในไตรมาสแรกที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดตัวโครงการ "เดอะ แกรนด์ ปิ่นเกล้า"บนพื้นที่ 187 ไร่ จำนวน 2 เฟส ซึ่งเปิดการขายพร้อมกัน จำนวน 360 ยูนิต มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท ขณะนี้มียอดขายแล้วเกือบ 200 ล้านบาท และโอนกรรมสิทธิ์ได้แล้ว 130 ล้านบาท เนื่องจากจะเป็นบ้านหรูที่สร้างใกล้เสร็จ ทำให้ตัวเลขยอดขายและยอดรับรู้รายได้ห่างกันไม่กี่เดือน
นอกจากนี้ ภายในไตรมาส 3 บริษัทมีแผนเปิดโครงการทาวน์เฮาส์ แบรนด์ใหม่ ย่านพระราม5 อีก 1 โครงการ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 18 ไร่ ขนาด 20 ตารางวา ในระดับราคาไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท จำนวน 160-170 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 500 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทได้เตรียมงบซื้อที่ดินประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2556 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถทำยอดรับรู้รายได้ที่ 3,200 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากโครงการแนวราบ 2,175 ล้านบาท และ โครงการคอนโดมิเนียมในโครงการ”เดอะพาโน” 1,000 ล้านบาท เติบโต 20-30%
ในส่วนของโครงการที่ดำเนินและพัฒนาอยู่ ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการระดับบน เป็นบ้านหรูระดับพรีเมียมที่เจาะกลุ่มลูกค้านักธุรกิจ ผู้บริหารระดับสูง โดยมีแบรนด์ เดอะ แกรนด์ เป็นโครงการระดับบน ทั้งนี้ บริษัทยังเหลือที่ดินที่จะสามารถพัฒนาโครงการในระยะยาวซึ่งมีมูลค่าประมาณ 17,000 ล้านบาท โดยบริษัทอยู่ระหว่างการอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในการกระจายหุ้นไอพีโอจำนวน 620 ล้านหุ้น แต่ทั้งนี้ จะดำเนินการได้ภายในปีนี้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของประเทศ.
