xs
xsm
sm
md
lg

ธารารมณ์ฯ เชื่อ Q1/58 อสังหาฯ ทรงตัว เหตุ ศก.ฟื้นไม่เต็มที่ หนี้ครัวเรือนยังสูง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วสันต์ เคียงศิริ
ระบุอสังหาฯ ปี 57 ทรงยังตัว แม้ครึ่งปีหลังตลาดขยายตัวดี คาดไตรมาสแรกปี 58 ตลาดยังทรงตัวต่อเนื่อง เหตุเศรษฐกิจ เผยปัจจัยลบปีหน้ากำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ชี้กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภาษีมรดก แนวโน้มแวตยังไม่ชัด หนี้ครัวเรือนยังสูง ด้านปัจจัยบวกดอกเบี้ย น้ำมันยังต่ำ โครงการเมกะโปรเจกต์ เผยแผน “ธารารมณ์” ปี58 เปิดโครการใหม่ 2 โครงการ เน้นแนวราบ มูลค่ารวม 1,200 ล้านบาท วางเป้ายอดขายรวม 1,400 ล้านบาท โตจากปี 57 อีก 10%

นายวสันต์ เคียงศิริ บริษัท ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2557 ว่า ภาพรวมตลาดยังทรงตัวจากปีก่อนหน้า เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกตลาดรวมได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง และการหดตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค แม้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังตลาดอสังหาฯ จะมีการขยายตัวที่ดีขึ้น แต่เพราะการหดตัวในครึ่งปีแรกทำให้การขยายตัวในช่วงครึ่งปีหลังเพียงเข้ามาชดเชยยอดขายที่หายไปในช่วงครึ่งปีแรกเท่านั้น ทำให้ในปีนี้ตลาดรวมอสังหาฯ มีอัตราการขยายตัวที่ทรงตัวจากปีที่ 2556 เท่านั้น

สำหรับแนวโน้มตลาดในปี 2558 คาดว่าในไตรมาสแรกจะทรงตัวเท่าๆ กับไตรมาส 4 ของปีนี้ เพราะภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัว ขณะเดียวกัน หนี้ครัวเรือนของไทยก็ยังอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ ยังมีตัวแปรที่ยังไม่มีความชัดเจนเข้ามาแทรก เช่น ภาษีที่ดินและสิ่งก่อสร้าง ภาษีมรดก รวมถึงแนวโน้มการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งอาจจะเพิ่มขึ้นจาก 7% มาอยู่ที่ 8-10% ทำให้การตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคยังชะลอตัว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในปีหน้าจะมีปัจจัยลบที่เป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของตลาดรวม แต่ก็ยังมีปัจจัยบวกจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำที่ 2% แม้มีการประเมินว่าจะปรับขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง แต่เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบมากนัก ขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกก็ยังอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้ต้นทุนต่างๆ ลดลง นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค และโครงการเมกะโปรเจกต์หลายๆ โครงการของภาครัฐที่เป้นปัจจัยบวกที่จะส่งผลดีต่อการขยายตัวเศรษฐกิจในปีหน้าด้วย

นายวสันต์ กล่าวว่า จากแนวโน้มตลาดในปี 2558 ที่กล่าวข้างต้น ทำให้แผนธุรกิจในปีหน้าของบริษัทจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่เพียง 2 โครงการ มูลค่ารวม 1,200 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยว ย่านรามคำแหง มูลค่า 400 ล้านบาท บนพื้นที่ 14 ไร่ จำนวน 50 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 7 ล้านบาท และโครงการทาวน์เฮาส์ผสมโฮมออฟฟิศ ย่านร่มเกล้า มูลค่า 800 ล้านบาท บนพื้นที่ 15 ไร่ จำนวน 160 ยูนิต ราคาขายทาวน์เฮาส์เริ่ม 4.5 ล้านบาท โฮมออฟฟิศเริ่มต้น 5.5 ล้านบาท ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมปีนี้ยังไม่มีแผนเปิด เนื่องจากขณะนี้ซัปพลายเข้าสู่ตลาดจำนวนมาก

นายณัฐพล มัททวกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาด กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์การตลาดในปี 2558 จะเน้นการทำแคมเปญที่ส่งเสริมกำลังซื้อลูกค้าเพื่อให้ง่ายแก่การขอสินเชื่อ เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ โดยจัดแผนทางการเงินที่หลากหลายทางเลือก ตั้งแต่เรื่องสินเชื่อ ดอกเบี้ย ประกันการซื้อ เป็นต้น โดยมองว่าระดับหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง และอัตราการกู้ไม่ผ่านมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอัตราการกู้ไม่ผ่านของบริษัทปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 17%จาก 15% ในปี 2556 นอกจากนี้ ได้มีแผนพัฒนารูปแบบการให้บริการใหม่ๆ และแตกต่าง เพื่อให้สอดคล้องต่อพฤติกรรมของลูกค้าในทุกขั้นตอนการซื้อบ้าน ที่จะทำให้บริษัทเข้าถึงความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น

อย่างไรก็ดี จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความต้องการใช้วัสดุก่อสร้าง รวมทั้งแรงงานมากขึ้น ซึ่งอาจจะกระทบต่อราคาบ้าน คาดว่าราคาบ้านจะปรับขึ้นมากว่า 5% ซึ่งบริษัทจะมีการบริหารงานก่อสร้างโดยใช้ผู้รับเหมาเอาต์ซอร์สเป็นหลัก นอกจากนี้ บริษัทได้มีการศึกษาการใช้ชิ้นส่วนกึ่งสำเร็จรูป เช่น แผ่นพื้นสำเร็จ โครงหลังคา บันได เป็นต้น รวมทั้งยังคงนโยบายเดิมเกี่ยวกับการเจรจาราคาโครงการกับผู้ผลิต การสร้างสาธารณูปโภคให้แล้วเสร็จ 100% ทั้งโครงการซึ่งเป็นการคุมต้นทุน

โดยในปีหน้า ธารารมณ์ฯ ตั้งเป้าว่าจะมียอดขายเติบโตเพิ่มจากปีนี้ประมาณ 10% หรือมียอขายรวม 1,400 ล้านบาท เพิ่ม 100 ล้านบาท จากที่ในปี 2557 ที่มียอดขาย 1,300 ล้านบาท และตั้งเป้ารับรู้รายได้ประมาณ 1,200 ล้านบาท ทั้งนี้ในปี 2557 นี้ บริษัทสามารถปิดการขายโครงการได้ 2 โครงการ และทำให้ยังมีโครงการอยู่ระหว่างการขายรวม 6 โครงการ ดังนั้น เพื่อรักษาระดับยอดขายไว้เท่ากับปีที่ผ่านมา บริษัทจึงมีการเปิดโครงการใหม่เพิ่ม 2 โครงการ ซึ่งจะทำให้มีมูลค่าโครงการที่ที่อยู่ระหว่างการขายรวม 3,500 านบาท ซึ่งสามารถรองรับความต้องการลูกค้าได้ประมาณ 2-3 ปี

 

กำลังโหลดความคิดเห็น