“วาย แอล จี” ชี้ลุ้นจีนออกมาตรการ ศก.เพิ่ม ดันราคาทองคำเพิ่มสูง หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ กดดันราคาปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ประเมินหากยืนเหนือ 1,700 เหรียญ/ออนซ์อย่างแข็งแกร่ง มีโอกาสเห็นที่ระดับ 1,200 เหรียญ/ออนซ์ แต่ถ้าหลุด 1,170 เหรียญ ให้ชะลอลงทุน และมองราคาช่วง 1,500 เหรียญ เพื่อเข้าสะสม
“วรุต รุ่งขำ” ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า การขยับขึ้นของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมาเป็นไปอย่างจำกัด เพราะได้รับการสนับสนุนจากยอดการซื้อของทองคำในจีนที่มีปริมาณสูงขึ้น จากการเปิดเผยถึงยอดนำเข้าของจีน จากธนาคารฮ่องกงเพิ่มขึ้นในเดือนตุลาคม อย่างไรก็ตาม ยังมีการย่อตัวของราคาเกิดขึ้น เมื่อตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีปรับตัวเพิ่มขึ้นในทิศทางที่ดี นอกจากนี้ ยังถูกปัจจัยกดันจากกลุ่มโอเปก ที่ประกาศคงยอดการการผลิตน้ำมันเท่าเดิม ซึ่งยิ่งทำให้ราคาน้ำมันอ่อนตัวลง และมีผลให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงตามไปด้วย
“ราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงจะกดดันเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลง ทำให้ทองคำถูกลดความน่าดึงดูดลง เพราะทองคำถือเป็นสินทรัพย์ที่ป้องกันภาวะเงินเฟ้อ”
ทำให้มองว่า เมื่อราคาทองคำยังไม่สามารถดีดตัวไปเกินระดับ 1,210 เหรียญ/ออนซ์ขึ้นไปได้่ และการทรงตัวเหนือระดับ 1,200 เหรียญ/ออนซ์ ยังไม่สามารถยืนได้อย่างแข็งแกร่ง ทำให้ยังต้องติดตามแรงซื้อที่ไหลเข้ามาในตลาดทองคำเพิ่มเติม ซึ่งหากมีแรงซื้อเข้ามามากพอที่จะทำให้ราคาทองคำตั้งฐานอยู่ได้ ปัจจัยดังกล่าวอาจเป็นแรงสนับสนุนให้ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นไปอีก
“วายแอลจี ให้จับตาดูแนวรับบริเวณ 1,170 เหรียญ/ออนซ์ หากสามารถตั้งฐานอยู่ได้ก็มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,210-1,220 เหรียญ/ออนซ์ ซึ่งหากราคาขยับตัวเข้าสู่โซนดังกล่าว เราแนะนำให้แบ่งทองคำออกขาย แต่หากราคาทองคำหลุดแนวรับ 1,170 เหรียญ/ออนซ์ แนะนำว่าควรชะลอการเข้าซื้อ เพื่อไปรอดูการตั้งฐานของราคาที่ 1,150 เหรียญ/ออนซ์”
โดยปัจจัยที่จะต้องติดตามในต่อจากนี้ คือ การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของฝั่งยุโรป เพราะหากมีการออกมาตรการเพิ่มเติม จะกดดันให้สกุลเงินยูโรมีทิศทางอ่อนตัวลง และจะมีผลให้ราคทองคำอ่อนตัวลงตาม หลังมีการประกาศทิศทางเงินเฟ้่อล่าสุดอ่อนตัวลงจาก 0.4% เป็น 0.3% ซึ่งถือว่าเศรษฐกิจของยุโรปยังคงอยู่ในภาวะชะงักงัน
นอกจากนี้ ต้องติดตามการแถลงการประกาศดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางยุโรป และต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจฝั่งสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นอัตราการว่างงาน และการจ้างงานนอกเหนือจากภาคเกษตร เพราะหากแนวโน้มเศรษฐกิจโดยเฉพาะฝั่งตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น ประเด็นดังกล่าวอาจถูกหยิบยกมากดดันให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน เชื่อว่าประเด็นในเรื่องราคาน้ำมันจะเป็นอีกปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำอ่อนตัว หลังกลุ่มโอเปกยินยันคงกำลังการผลิตน้ำมัน จนส่งให้ทิศทางราคาน้ำมันอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม สภาวะอากาศที่หนาวเย็นจะยังเป็นปัจจัยสำคัญด้านความปริมาณความต้องการน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น และจะเป็นปัจจัยที่ช่วยพยุงราคาน้ำมัน
“หากทิศทางของราคาน้ำมันชะลอตัวลดลง ถือว่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำให้ยืนอยู่ได้ แต่ล่าสุุด ธนาคารกลางจีน มีการส่งสัญญานว่าอาจจะขอดูตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ก่อนที่จะออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม ซึ่งหากมีมาตรการใหม่จริง ก็มองว่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำให้กลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้น”