ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (21 พ.ย.) โดยดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ยังคงเดินหน้าทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่ธนาคารกลางทั่วโลกต่างเคลื่อนไหวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 91.06 จุด หรือ 0.51% ปิดที่ 17,810.06 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 10.75 จุด หรือ 0.52% ปิดที่ 2,063.50 ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 11.10 จุด หรือ 0.24% ปิดที่ 4,712.97 จุด
ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ (21 พ.ย.) หลังจากที่ปรับตัวลงติดต่อกันมาสองวัน โดยภาวะการซื้อขายได้แรงหนุนจากการที่นายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวย้ำว่าอีซีบีจะเร่งผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนปรับตัวขึ้นเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และจากการที่ธนาคารกลางจีนประกาศลดดอกเบี้ยโดยไม่คาดหมาย
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดเพิ่มขึ้น 113.02 จุด หรือ 2.67% ที่ระดับ 4,347.23 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันเพิ่มขึ้น 248.58 จุด หรือ 2.62% ปิดที่ 9,732.55 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนเพิ่มขึ้น 71.86 จุด หรือ 1.08% ปิดที่ 6,750.76 จุด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (21 พ.ย.) หลังจากที่จีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจุดประกายความหวังว่าความต้องการน้ำมันจากจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของโลก จะเพิ่มสูงขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 76.51 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย. และช่วยให้สัญญาน้ำมันดิบที่ตลาด NYMEX ปรับตัวขึ้น 0.9% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งถือเป็นการปรับตัวขึ้นได้เป็นสัปดาห์แรกนับตั้งแต่เดือนก.ย.
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 1.03 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 80.36 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย.เช่นกัน สำหรับตลอดสัปดาห์ สัญญาเบรนท์ปรับตัวขึ้น 1.2%
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (21 พ.ย.) หลังจากที่ธนาคารกลางจีนสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่าสองปี ขณะที่ประธานธนาคารกลางยุโรปย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการเพิ่มอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งความเคลื่อนไหวของสองธนาคารกลางยักษ์ใหญ่ดังกล่าวได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ปรับตัวขึ้น 6.8 ดอลลาร์ หรือ 0.57% ปิดที่ 1,197.7 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรเมื่อวันศุกร์ (21 พ.ย.) หลังจากที่ประธานธนาคารกลางยุโรปให้คำมั่นว่าจะขยายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ยูโรอ่อนค่าลงเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2388 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2551 ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5647 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5699 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 117.79 เยน เทียบกับระดับ 117.95 เยน, แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9701 ฟรังค์ จาก 0.9575 ฟรังค์ และลดลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ 1.1240 จาก 1.1304 ดอลลาร์แคนาดา
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 91.06 จุด หรือ 0.51% ปิดที่ 17,810.06 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 10.75 จุด หรือ 0.52% ปิดที่ 2,063.50 ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 11.10 จุด หรือ 0.24% ปิดที่ 4,712.97 จุด
ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ (21 พ.ย.) หลังจากที่ปรับตัวลงติดต่อกันมาสองวัน โดยภาวะการซื้อขายได้แรงหนุนจากการที่นายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวย้ำว่าอีซีบีจะเร่งผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนปรับตัวขึ้นเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และจากการที่ธนาคารกลางจีนประกาศลดดอกเบี้ยโดยไม่คาดหมาย
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดเพิ่มขึ้น 113.02 จุด หรือ 2.67% ที่ระดับ 4,347.23 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันเพิ่มขึ้น 248.58 จุด หรือ 2.62% ปิดที่ 9,732.55 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนเพิ่มขึ้น 71.86 จุด หรือ 1.08% ปิดที่ 6,750.76 จุด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (21 พ.ย.) หลังจากที่จีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจุดประกายความหวังว่าความต้องการน้ำมันจากจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของโลก จะเพิ่มสูงขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 76.51 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย. และช่วยให้สัญญาน้ำมันดิบที่ตลาด NYMEX ปรับตัวขึ้น 0.9% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งถือเป็นการปรับตัวขึ้นได้เป็นสัปดาห์แรกนับตั้งแต่เดือนก.ย.
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 1.03 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 80.36 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย.เช่นกัน สำหรับตลอดสัปดาห์ สัญญาเบรนท์ปรับตัวขึ้น 1.2%
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (21 พ.ย.) หลังจากที่ธนาคารกลางจีนสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่าสองปี ขณะที่ประธานธนาคารกลางยุโรปย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการเพิ่มอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งความเคลื่อนไหวของสองธนาคารกลางยักษ์ใหญ่ดังกล่าวได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ปรับตัวขึ้น 6.8 ดอลลาร์ หรือ 0.57% ปิดที่ 1,197.7 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรเมื่อวันศุกร์ (21 พ.ย.) หลังจากที่ประธานธนาคารกลางยุโรปให้คำมั่นว่าจะขยายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ยูโรอ่อนค่าลงเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2388 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2551 ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5647 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5699 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 117.79 เยน เทียบกับระดับ 117.95 เยน, แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9701 ฟรังค์ จาก 0.9575 ฟรังค์ และลดลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ 1.1240 จาก 1.1304 ดอลลาร์แคนาดา