xs
xsm
sm
md
lg

ถึงจะกลัว ก็ต้องทำตามแผน ... บล.โกลเบล็ก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสัญญา หาญพัฒนกิจพาณิช  ผู้อำนวยการทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บล.โกลเบล็ก
ราคาทองคำเลือกที่จะลงหลุดแนวรับสำคัญบริเวณ $1,180 เหรียญ ที่เคยเป็นจุดต่ำสุดถึง 3 ครั้ง หลังจากราคาขึ้นไปแตะ $1,920 เหรียญเมื่อ พ.ศ.2554 ซึ่งการหลุดครั้งนี้มาแตะระดับราคา $1,131 เหรียญ ถือเป็นการสร้างราคาต่ำสุดในรอบ 4 ปีครึ่งเลยทีเดียว ล่าสุด ณ วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ.2557 เวลา 12.00 น. ราคาทองคำโลกอยู่ที่ $1,135 เหรียญ ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.91 บาทต่อดอลลาร์ ราคาทองคำแท่งบ้านเราขายออกที่ 17,800 บาท

ราคาทองคำลงแรงทันทีหลังธนาคารกลางญี่ปุ่นออกมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเพิ่มขนาด QE ที่จะมีการเพิ่มปริมาณเงินเข้ามาในระบบเดือนละราวๆ 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็นปัจจัยที่ทำให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าทะลุ 110 เยนต่อดอลลาร์มาอยู่ระดับ 115.4 เยนต่อดอลลาร์ อ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 7 ปี ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่ากดดันราคาทองคำร่วงลงแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา การประชุมธนาคารกลางยุโรปหรือ ECB แม้จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเหมือนเดิมที่ 0.05 เปอร์เซ็นต์ แต่คุณมาริโอ้ ดรากี้ มีการส่งสัญญาณว่า ธนาคารกลางยุโรปจะเริ่มเดินหน้าซื้อตราสารหนี้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันพร้อมกับปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำระยะยาว ซึ่งจะส่งผลต่อขนาดของงบดุลของอีซีบี และส่งผลให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าต่อเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ กดดันราคาทองปรับตัวลงต่อเนื่อง

ปัจจัยบวกที่จะหนุนราคาทองคำในอนาคต ได้แก่ 1.การโหวตมติเพิ่มสัดส่วนทุนสำรองของธนาคารกลางสวิส ที่เป็นทองคำจากเดิม 10 เปอร์เซ็นต์ เป็น 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหากผลโหวตผ่าน ธนาคารกลางสวิส ก็ต้องเลือกระหว่างซื้อทองคำเพิ่มอีกราว 1,000 ตันภายในระยะเวลาที่มติกำหนด หรือลดปริมาณสกุลเงินอื่นๆ ที่ถือไว้เป็นทุนสำรอง หรืออาจะทำทั้ง 2 อย่างก็ได้ นอกจากนี้ การโหวตของสวิส จะรวมถึงมติห้ามขายทองคำที่เป็นทุนสำรอง และการเก็บทองคำทุนสำรองไว้ภายในประเทศเท่านั้น 2.สงครามค่าเงิน หลังจากธนาคารกลางต่างๆ มีการอัดฉีด ประเทศอื่นๆ ที่เริ่มประสบปัญหาเศรษฐกิจอาจจะกระทบจากมาตรการเหล่านี้แล้วเริ่มมองหาทางออกมาตรการที่จะพยุงสกุลเงินของตัวเองไม่ให้แข็งค่าจนกระทบรายได้จากการส่งออก เช่น เราคาดว่าธนาคารกลางเกาหลี อาจต้องพิจารณาหามาตรการมาในอนาคตอันใกล้หลังญี่ปุ่นมีการอัดฉีด ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาเงินล้นตลาดในอนาคต และขาดเสถียรภาพในสกุลเงินหลักหลายๆ สกุลจนทำให้ทองคำกลับมาเป็นจุดสนใจอีกครั้ง

คำแนะนำ สำหรับนักลงทุนระยะยาว หลังจากได้สะสมทองคำเข้ามาไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์ของที่จะซื้อเข้ามาในช่วงราคา $1,180-1,200 เหรียญแล้ว เกิดเหตุการณ์ธนาคารกลางญี่ปุ่นเป็นปัจจัยใหม่ที่กดดันราคาทองคำลง จึงควรรอสะสมซื้อทองคำอีกครั้งบริเวณ $1,040-1,090 เหรียญอีก 25 เปอร์เซ็นต์ของที่จะซื้อทองคำ โดยแม้จะมีปัจจัยกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าจากมาตรการอัดฉีดของธนาคารกลางอื่นๆ แต่คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจต้องมีมาตรการในอนาคตเช่นกันเพื่อชะลอการแข่งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ที่จะเป็นตัวฉุดให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอการฟื้นตัวได้ สำหรับนักเก็งกำไรระยะสั้น แนะนำชะลอการเข้าซื้อเก็งกำไร เนื่องจากราคาทองคำลงมาหลุดแนวรับ $1,180 เหรียญได้ ส่วนคนลงทุนระยะยาว

คาดกรอบเคลื่อนไหวสัปดาห์นี้ $1,100-1,160

สัญญา หาญพัฒนกิจพาณิช
ผู้อำนวยการทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บล.โกลเบล็ก
กำลังโหลดความคิดเห็น