ผู้บริหารคอนกรีตชลบุรีฯ แตกไลน์ธุรกิจเปิดโรงงานผลิตผนังคอนกรีตสำเร็จรูปภายใต้แบรนด์ “CPanel” ระบบ Automate Design รายแรกในประเทศไทย เป็นเทคโนโลยีการก่อสร้างสำเร็จรูประดับสูงจากเยอรมนี กำลังการผลิต 8.6 แสนตร.ม./ปี จับกลุ่มลูกค้าโครงการจัดสรร ตั้งเป้าปี 58 กวาดรายได้ 300-400 ล้านบาท
นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (CPanel) ผู้ผลิตและจำหน่ายผนังคอนกรีตสำเร็จรูป เปิดเผยว่า ตลาดวัสดุก่อสร้างสำเร็จรูปมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่ในปัจจุบันปัญหาที่วงการก่อสร้างต้องเผชิญอยู่ คือ ปัญหาด้านการบริหารจัดการต้นทุน ทั้งในด้านการขาดแคลนแรงงาน เวลา รวมถึงปัญหาการกำหนด spec วัสดุ ตลอดจนการจ้างผู้รับเหมา
จากปัญหาดังกล่าว ตนจึงได้ตั้งบริษัท ซีแพนเนลฯ ขึ้นมาเป็นการส่วนตัว โดยแยกจากบริษัท ผลิตภัณฑ์ คอนกรีต ชลบุรี จำกัด (มหาชน) เพื่อนำเทคโนโลยีการก่อสร้างสำเร็จรูป (พรีแคส) ระดับสูงจากประเทศเยอรมนี ในการผลิตภัณฑ์ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete Wall Panel) ภายใต้แบรนด์ “CPanel” โดยเป็นผลิตภัณฑ์ผนังคอนกรีตที่มีคุณภาพมาตรฐานสูงสุดในประเทศไทยในขณะนี้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดสำหรับงานก่อสร้างทุกประเภท ทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย โรงงานอุตสาหกรรม ระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐาน ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป CPanel ขึ้น เป็นวัสดุที่เน้นติดตั้งง่าย รวดเร็ว ประหยัดเวลา ลดความซับซ้อน และการพึ่งพาฝีมือแรงงาน
“โนว์ฮาวนี้นับเป็นระบบ Automate Design รายแรกในประเทศไทย สามารถผลิตได้หลังต่อหลัง รับลูกค้าได้ไม่จำกัด เป็นทีมงานอาจารย์ด้านวิศวกรรมจาก 2 มหาวิทยาลัยชื่อดังในประเทศไทยที่ติดอันดับ 1 ใน 5 ใช้ระยะเวลาในการออกแบบ 10-15 วัน จะได้ราคาในเบื้องต้นออกมาให้ลูกค้า พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นที่ 110 ตารางเมตรขึ้นไป โดยราคาโครงสร้างจะอยู่ที่ประมาณ 5,000-6,000 บาท/ตารางเมตร (ขึ้นอยู่กับพื้นที่ใช้สอย) ซึ่งลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ และราคาถือว่าไม่แตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น แต่สามารถผลิตได้เร็วกว่าระบบอื่นถึง 70%” นายชาคริต กล่าว
ผลิตภัณฑ์ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete Wall Panel) มี 2 รูปแบบหลัก ประกอบด้วย ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป และแผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูป ซึ่งมีคุณสมบัติโดดเด่นด้วยระบบการผลิตแบบ Fully Automatic ของ Vollert Anlagenbau Gmbh ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย และได้รับการยอมรับในระดับสากล มีการควบคุมการผลิตอย่างเข้มงวดจากวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ผนังคอนกรีตสำเร็จรูปของบริษัทมีคุณภาพสม่ำเสมอ ใช้ระยะเวลาการผลิตที่สั้น มีความคงทนแข็งแรง มีคุณสมบัติต้านทานการซึมน้ำ เนื่องจากมีระบบ Wet Joint ป้องกันการรั่วซึมได้เป็นอย่างดี
สำหรับกระบวนการผลิต ทุกขั้นตอนถูกควบคุมโดยระบบคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมทั้งมีการตรวจสอบคุณภาพตั้งแต่การออกแบบด้วยระบบ Real 3D ทำให้เห็นสินค้าในรูปแบบเสมือนจริง ซึ่งช่วยลดปัญหาการประกอบสินค้าหน้างาน ทำให้ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาในการสร้างบ้านตัวอย่างเพื่อทดลองประกอบ ลดต้นทุนการผลิต และเวลาสำหรับลูกค้า และยังสามารถผลิตผนังคอนกรีตสำเร็จรูปที่มีขนาดใหญ่สุดถึง 50 ตารางเมตร (4 เมตร x 12.5 เมตร) โดยออกแบบและผลิตผนังคอนกรีตสำเร็จรูปที่มีรูปแบบและคุณสมบัติเฉพาะตามความต้องการของลูกค้า เช่น การเว้นช่องว่างตามขนาดของประตู หรือหน้าต่าง การจัดรูปทรงผนังตามรูปแบบต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และกลุ่มเป้าหมาย
บริษัทเริ่มผลิตสินค้าเมื่อเดือนกรกฎาคม 2557 ที่ผ่านมา ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตผนังคอนกรีตสำเร็จรูปในเชิงพาณิชย์ประมาณ 430,000 ตารางเมตร/ปี หรือ 2,300-2,800 ตารางเมตร/วัน เท่ากับผลิตบ้านเดี่ยวได้ 10 หลัง/วัน/ทาวน์โฮม 20 หลัง/วัน คิดเป็นกำลังผลิตในสัดส่วน 40-50% จากกำลังผลิตรวม และจะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นเป็น 860,000 ตารางเมตร/ปี ในปี 2558 ซึ่งเป็นกำลังการผลิตสูงสุด โดยมีโรงงานอยู่ที่ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี จัดส่งได้ในรัศมีไม่เกิน 200 กิโลเมตรจากโรงงาน ปัจจุบันมีลูกค้าแล้ว 4 ราย เป็นโครงการบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมในกทม. ตั้งเป้ารายได้รวมปี 2558 ที่ 300-400 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 30% ต่อปี
“ตลาดวัสดุก่อสร้างสำเร็จรูปมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่ในปัจจุบันปัญหาที่วงการก่อสร้างต้องเผชิญอยู่ คือ ปัญหาด้านการบริหารจัดการต้นทุน ทั้งในด้านการขาดแคลนแรงงาน เวลา รวมถึงปัญหาการกำหนด spec วัสดุ ตลอดจนการจ้างผู้รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป CPanel ขึ้น เพื่อช่วยลด และแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยเป็นวัสดุที่เน้นติดตั้งง่าย รวดเร็ว ประหยัดเวลา ลดความซับซ้อน และการพึ่งพาฝีมือแรงงาน” นายชาคริต กล่าว