“สมาร์ทคอนกรีต” เทรดวันแรกเหนือจอง 3.20 บาท จากราคา IPO ที่หุ้นละ 1.90 บาท หรือเพิ่มขึ้น 3.20 บาท คิดเป็นกว่า 171% ที่ปรึกษาฯ เชื่อจะสร้างผลตอบแทนในเกณฑ์ดีให้กับนักลงทุนได้ในระยะกลางและยาว และหุ้น SMART จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพราะมีความโดดเด่นของธุรกิจ โบรกฯ ประสานเสียงธุรกิจเติบโตสูง
วานนี้ (1 ต.ค.) ราคาหุ้น บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ SMART เข้าเทรดวันแรก โดยเปิดตลาดพบว่าราคา 5.70 บาท เพิ่มขึ้นจากราคา IPO ที่กำหนดไว้หุ้นละ 1.90 บาท หรือเพิ่มขึ้น 3.20 บาท คิดเป็น 171.05% ระหว่างวันราคาปรับขึ้่นสูงสุดที่ 5.70 บาท ต่ำสุดที่ 5.05 บาทและปิดที่ 5.10 บาท เพิ่มขึ้น 3.20 บาท คิดเป็น 168.42% มูลค่าซื้อขาย 1,140.88 ล้านบาท
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน SMART เปิดเผยว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้น SMART ถือว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกับผลประกอบการของบริษัทที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ผนวกกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนในเกณฑ์ดีให้กับนักลงทุนได้ในระยะกลางและยาว โดยคาดว่าในช่วงต่อจากนี้หุ้น SMART จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง
“SMART เป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจ มีความโดดเด่นทั้งจากตัวธุรกิจของบริษัทเอง ฐานะทางการเงินและแนวโน้มการเติบโต เชื่อว่าหลังจากการระดมทุน แผนการดำเนินงานที่บริษัทวางไว้จะเป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นโอกาสดีที่นักลงทุนจะเลือกลงทุนในหุ้น SMART” นายสมภพ กล่าว
นายนิมิต วงศ์จริยกุล กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน กล่าวว่า SMART เปิดตลาดในการซื้อขายวันแรกที่ 5.70 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 200% ระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุด 5.70 บาท และปิดตลาดที่ราคา 5.10 บาท โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมในวันแรกที่ 1,140 ล้านบาท กระแสตอบรับที่ดีดังกล่าวเป็นผลจากนักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในหุ้นเป็นจำนวนมาก
เนื่องจากบริษัทได้มีการเผยแพร่ข้อมูลกับนักลงทุนในวงกว้างผ่านการโรดโชว์ 11 จังหวัด ทำให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจ ประกอบกับมีการกระจายหุ้นให้นักลงทุนเป็นจำนวนมากผ่าน Co-Underwriter อีก 6 แห่ง จึงทำให้ราคาหุ้นวันแรกของการซื้อขายเกินกว่าราคาจอง
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของ หุ้น SMART ได้ที่ 2.5 บาท โดยใช้ PER ปี 58F ที่ 18 เท่า เทียบกับบริษัทที่อยู่ในกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่ผลิตอิฐมวลเบาซึ่งซื้อขายที่ PER 16-19 เท่า และกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่ 17.36 เท่า โดยมองว่าอุปสงค์ของอิฐมวลเบามีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตจากความต้องการวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของเมืองและโครงสร้างพื้นฐาน ลักษณะธุรกิจของ SMART คือ ผลิตและจำหน่ายคอนกรีตมวลเบาระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูง (Autoclaved Aerated Concrete : AAC) ใช้ในการก่อสร้างกำแพงและผนัง โดยมีลูกค้าหลักคือ ร้านขายวัสดุก่อสร้าง 70% ของยอดขายและอีก 30% เป็นลูกค้าโครงการ
“โดยลักษณะธุรกิจของ SMART ทำให้มีคู่แข่งหลายบริษัทในตลาด ทั้ง DRT, SCCC, DCON, Q-CON แม้ว่าความต้องการใช้อิฐมวลเบาในอุตสาหกรรมก่อสร้างจะเพิ่มขึ้นจาก 20 ล้านตารางเมตรในปี 54 เป็น 30 ล้านตารางเมตรในปี 57 ก็ตาม” นายอภิชาติ กล่าว
