เปิดแนวคิด "ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์" CEO พฤกษา เรียลเอสเตท กับการบริหารโครงการที่อยู่อาศัยให้ก้าวสู่บริษัทชั้นนำ ติด 1 ใน 10 ด้วยยอดขายทะลุหลัก 100,000 ล้านบาท ท่ามกลางสมรภูมิรบรุนแรง ปัญหาแรงงานขาดแคลน ต้นทุนพุ่งทั้งจากราคาที่ดินและวัสดุก่อสร้างพาเหรดขึ้นราคา
ด้วยชั้นเชิงการบริหารจัดการสไตล์ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ CEO แห่งค่ายพฤกษา เรียลเอสเตท ที่หาตัวจับยาก ทำให้พฤกษาก้าวจากบริษัทขนาดกลางในช่วงราว 10 ปีที่ผ่านมา ขึ้นเป็นบริษัทมหาชน และเป็นผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์แทนที่ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
ความสำเร็จของทองมานั้น มาจากความตั้งใจจริงที่จะสร้างบ้านที่ดีที่สุด สำหรับคนที่ต้องการมีบ้านพักอาศัยเป็นของตัวเองหลังแรก ในราคาสมเหตุสมผล กระจายในทุกทำเลที่มีความต้องการซื้อ จนทำให้ทุกวันนี้พฤกษาฯมีโครงการที่พักอาศัยกระจายครอบคลุมทุกพื้นที่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล
เป้าหมายของทองมา คือ การก้าวขึ้นสู่ผู้นำติดอันดับ 1 ใน 10 ด้วยมูลค่ายอดขายสูงถึง 100,000 ล้านบาท
แนวทางที่จะทำให้พฤกษาฯก้าวไปสู่เป้าหมายอย่างรวดเร็วนั้น นั่นคือ การก่อสร้างบ้านเพื่อโอนอย่างรวดเร็ว โดยอาศัยเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาช่วยงานก่อสร้าง โดยใช้ชิ้นส่วนสำเร็จรูป(Precast Concrete) เข้ามาใช้ในการก่อสร้าง รวมทั้งการมีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ทั้งด้านการเงิน และวัสดุก่อสร้าง ซึ่งล่าสุดอยู่ระหว่างศึกษานวัตกรรมใหม่ คือห้องน้ำสำเร็จรูปมาใช้ในโครงการของพฤกษาฯ เพื่อสร้างความรวดเร็วในการก่อสร้างอีกระดับหนึ่ง อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาห้องน้ำรั่วซึมด้วย เพราะห้องน้ำถูกผลิตและประกอบมาจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน
เลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เพื่อให้พฤกษาฯก้าวไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ตามนโยบาย บริษัทจึงได้ทำการปรับโครงสร้างการบริหารงานองค์กรใหม่ โดยมุ่งเน้นที่ลูกค้า (Customer Centric) และให้ความสำคัญกับทุกกระบวนการภายใน เพื่อส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพ ในทำเลและราคาที่ลูกค้าพึงพอใจ
ที่สำคัญยังมุ่งเน้นการพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพบ้าน โดยใช้แนวคิด Pruksa Creative Innovation Intelligence ในทุกขั้นตอนตั้งแต่กระบวนการสรรหาที่ดิน ออกแบบ ก่อสร้าง ส่งมอบ และบริการหลังการขาย สอดคล้องตามนโยบายที่มุ่งเน้นการส่งมอบสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ เพื่อความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า โดยเน้นการนำนวัตกรรมต่างๆ มาใช้ในทุกกระบวนการทำงานให้ครอบคลุม Supply Chain Management โดยในส่วนของการพัฒนาด้านการออกแบบและการก่อสร้าง ซึ่งได้นำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ ประกอบด้วย
ระบบการก่อสร้างบ้านแบบอุตสาหกรรม (Real Estate Manufacturing : REM) เป็นระบบการสร้างบ้านที่มีรูปแบบคล้ายคลึงกับอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ ซึ่งนำมาใช้ในทุกโครงการของพฤกษาฯ ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพงานก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อีกทั้งยังได้พัฒนาการผลิตห้องน้ำสำเร็จรูป ซึ่งเป็นห้องน้ำที่ผลิตมาจากโรงงาน สามารถยกมาประกอบในบ้านเสมือนเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งของบ้าน โดยมีการควบคุมคุณภาพมาจากโรงงาน จึงทำให้ได้คุณภาพเหมือนกันทุกยูนิต โดยกำลังศึกษาการนำรูปแบบห้องน้ำสำเร็จรูปแบบญี่ปุ่น มาประยุกต์และปรับปรุงในการก่อสร้าง ขณะเดียวกัน ยังอยู่ระหว่างพัฒนาห้องน้ำสำเร็จรูปแบบโครงเบา เพื่อมาทดลองติดตั้งและทดสอบตลาดในบ้านเดี่ยวของโครงการภัสสรด้วย
ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาและศึกษาแนวโน้มความเป็นไปได้ร่วมกับ LIXIL GROUP ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับวัสดุอุปกรณ์ภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นประตู หน้าต่างที่ทำจากอะลูมิเนียม ห้องน้ำสำเร็จรูป พื้นไม้สังเคราะห์ เป็นต้น โดยบริษัทจะนำมาใช้กับโครงการต่างๆ ของบริษัททั้งทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียม
นอกจากนี้ พฤกษาฯยังได้ขยายการลงทุนโรงงานพฤกษา พรีคาสท์แห่งใหม่ จำนวน 2 โรง ในเนื้อที่ 130 ไร่ ที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ด้วยงบลงทุน 2,100-2,200 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีโรงงานอยู่แล้วจำนวน 5 โรงตั้งอยู่ที่ อ.ลำลูกกา ซึ่งโรงงานใหม่จะทำให้การขนส่งชิ้นส่วนไปยังโครงการต่างๆ ของพฤกษาฯได้สะดวกยิ่งขึ้น มีกำลังการผลิต 480 ยูนิตต่อเดือน เมื่อรวมกำลังการผลิตจากโรงงานปัจจุบัน คือ 640 ยูนิตต่อเดือน จะทำให้มีกำลังการผลิตรวมสูงถึง 1,120 ยูนิตต่อเดือน ซึ่งถือว่าเป็นโรงงานที่ทันสมัยที่สุดในโลกและมีกำลังการผลิตสูงที่สุดในโลกเช่นกัน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในไตรมาส 3 ปี 2557
“โรงงานพฤกษา พรีคาสท์ แห่งใหม่นี้ใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรที่ทันสมัยที่สุดในโลก จากประเทศเยอรมันนี ใช้ระบบอัตโนมัติ และควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ ทุกขั้นตอนการผลิต ทำให้ได้ชิ้นงานที่มีคุณภาพสูงกว่ามาตรฐานทั่วไป อีกทั้งมีการนำRobot มาใช้เพื่อลดการใช้แรงงาน และทำให้ผลิตภาพสูงขึ้น นอกจากนี้ยังได้นำระบบ Concrete Recycling มาใช้เพื่อนำน้ำทิ้งและเศษคอนกรีตจากการทำงาน กลับมาใช้ในขบวนการผลิตอีกครั้ง พร้อมทำการแยกหินทรายนำกลับมาใช้ ทำให้ไม่มีเศษวัสดุเหลือทิ้งจากการผลิต เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และถือว่าเป็น Green Factory แห่งแรกของไทย ที่นำระบบนี้มาใช้ในอุตสาหกรรมผลิต Precast Concrete
เลอศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทยังได้ร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) เพื่อทดสอบบ้านที่ก่อสร้างด้วย Pruksa Precast ของบริษัทซึ่งพบว่าสามารถรับแรงแผ่นดินไหวได้ที่ขนาด 8.5 ริกเตอร์ ห่างจากศูนย์กลาง 80 กม.
ส่วนงานวิจัยบ้านครอบครัวขยาย (Extended Family House) ร่วมกับคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการออกแบบบ้านสำหรับผู้สูงอายุ โดยทำการสัมภาษณ์แบบโฟกัสกรุ๊ป เกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ เพื่อนำมาออกแบบฟังก์ชั่นและสิ่งอำนวยความสะดวกภายในบ้านให้เหมาะกับสมกับผู้สูงอายุ
สำหรับงานวิจัยทาวน์เฮาส์ระบายอากาศ (Prototype Townhouse) ร่วมกับคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการออกแบบบ้าน ที่คำนึงถึงการระบายอากาศที่ดี รวมไปถึงการออกแบบเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในบ้าน เพื่อเพิ่มความสบายตาและความร่มรื่นให้กับอาคาร
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมภายในเพื่อส่งเสริมให้พนักงานมีการปรับปรุงกระบวนการทำงาน ซึ่งล่าสุด บริษัทได้รับรางวัลจากการประกวดด้านการปรับปรุงคุณภาพ ASQ World Conference on Quality and Improvement 2013 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่ง ”พฤกษา เรียลเอสเตท” เป็นบริษัทจากประเทศไทยรายแรกที่เข้าร่วมการประกวดผลงานด้านคุณภาพในเวทีสำคัญระดับโลก และได้รับการยอมรับในผลงานการปรับปรุงคุณภาพสินค้าจนได้รับรางวัลจากเวทีดังกล่าว 2 ปีติดต่อกัน เป็นเครื่องการันตีความสำเร็จ