xs
xsm
sm
md
lg

ประธานบอร์ดสลากฯ ยอมรับแก้ปัญหาหวยขายเกินราคาไม่ประสบผลสำเร็จ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สำนักงานสลากฯ เปิดรับฟังความเห็น พร้อมแก้ไขกฎหมายสลากฯ คาดเสนอคลังต้นปีหน้า ขณะที่ประธานบอร์ดสลากยอมรับแก้สลากเกินราคาไม่ประสบผลสำเร็จ

นายสังศิต พิริยะสังสรรค์ ประธานกรรมาธิการการเงินการคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวในงานสัมมนา “การปรับปรุง พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล” โดยระบุว่า ปัญหาสลากแพง เพราะรายย่อยได้รับโควตาจำนวนน้อย เมื่อเห็นว่าไม่คุ้มจึงนำไปขายให้ยี่ปั๊ว เพื่อทำอาชีพอื่น ขณะที่รายย่อยที่มีอาชีพสลากฯ ส่วนใหญ่ไม่มีโควตา เมื่อต้องการขายสลากฯ จึงต้องไปซื้อสลากฯ จากยี่ปั๊ว ส่วนมูลนิธิที่ได้รับโควตาส่วนใหญ่จะไม่ขายเอง เพื่อความสะดวก จึงส่งให้ยี่ปั๊วเป็นตัวแทนจำหน่ายและนำเงินไปบริหารในมูลนิธิ ยอมรับว่าคนรวยรายได้สูงจะมองว่าการซื้อสลากฯ เป็นการพนัน แต่สำหรับคนรายได้ปานกลางมองว่าเป็นการเสี่ยงโชค

สำหรับการแก้ไขกฎหมายนั้น ควรแก้ไขสัดส่วนนำเงินส่งเข้าคลังจากร้อยละ 28 ลดลงเหลือร้อยละ 5 หรือไม่ต้องนำส่งเหมือนอินเดีย เพื่อนำเงินไปเพิ่มรางวัลสู้กับหวยใต้ดิน เพื่อให้สัดส่วนเงินรางวัลจากร้อยละ 60 เพิ่มเป็นร้อยละ 70-75 โดยเฉพาะเลขท้าย 2-3 ตัวให้มากขึ้น สำหรับสัดส่วนค่าบริหารจัดการให้กับสำนักงานสลากและส่วนต่างให้กับยี่ปั๊วควรเพิ่มจากร้อยละ 12 เพิ่มเป็นร้อยละ 15-20 เมื่อมีส่วนต่างเพียงพอจะทำให้ยี่ปั๊วอยู่ได้ นอกจากนี้ ควรตั้งกองทุนสะสมรางวัล เพื่อนำเงินไปรับซื้อสลากฯ ที่ขายไม่หมด และนำเงินไปช่วยเหลือด้านสังคม ด้านการศึกษา สังคมสงเคราะห์ การขึ้นทะเบียนกับผู้มีอาชีพค้าสลากตัวจริง

นายสมชัย สัจจพงษ์ ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้ประกาศยอมรับในเวทีสัมมนาว่า การแก้ปัญหาสลากเกินราคาช่วงที่ผ่านมาทำได้ลำบากและไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะมีหลายปัจจัย แม้อาจจะฟื้นหวยออนไลน์เพื่อนำมาแข่งกับสลากฯ ในปัจจุบัน แต่ยังมีผู้แสดงความไม่เห็นด้วย ดังนั้น จึงได้เชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมแสดงความเห็นในการแก้ไขกฎหมายของสำนักงานสลากฯ เพราะการแก้ไขกฎหมายจะเป็นหนทางสุดท้ายในการแก้ปัญหา เมื่อรับฟังความเห็นจากฝ่ายต่างๆ แล้ว เตรียมเสนอกระทรวงการคลังพิจารณาในเดือนมกราคม จากนั้นจะเสนอ ครม.พิจารณาในขั้นต่อไป เมื่อกฎหมายผ่านสภาแล้ว และโควตาสลากส่วนใหญ่ครบกำหนดกลางปีหน้าจะนำกฎหมายฉบับใหม่มายังคับใช้ได้

สำนักงานสลากฯ ได้ศึกษาร่างกฎหมายรองรับไว้ 2 ฉบับ ต้องนำมาเปรียบเทียบกับความเห็นของส่วนต่างๆ เพื่อหาข้อสรุปร่วม โดยร่างของสำนักงานสลากฯ ได้เขียนเปิดทางให้ออกรางวัลรูปแบบใหม่เพิ่มในตลาด การเปลี่ยนแปลงสัดส่วนรายได้นำเงินคลัง ค่าบริหารจัดการ เงินรางวัล การตั้งกองทุนขึ้นมารับซื้อสลากฯ ที่ขายไม่หมด การปรับเพิ่มราคาสลากฯ ให้สอดคล้องกับปัจจุบัน การเปิดทางให้โรงพิมพ์สลากฯ รับงานพิมพ์เพิ่มเพื่อหารายได้เข้าสำนักงานฯ การกำหนดแนวทางควบคุมดูแลให้รายย่อย คนพิการ ผู้มีอาชีพสลากฯ ตัวจริงได้รับโควตา และแนวทางควบคุมสลากโควต้าของกลุ่มต่างอย่างเข้มงวด

นายคำนวณ ชโลปถัมป์ อดีตคณะทำงานกรรมาธิการ การเงิน การคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ในร่างกฎหมายควรเปิดทางให้ สนง.สลากฯ ออกผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่แข่งขันกับสลากฯ และนำเงินรายได้ไปช่วยเหลือสังคม เนื่องจากร่างกฎหมายเดิมเสนอให้สภาพิจารณาเบื้องต้นแล้ว จึงควรนำกลับมาพิจารณาอีกครั้ง ยอมรับว่ารายย่อยได้โควตามาแล้วมักจะนำไปขายต่อให้ยี่ปั๊ว จึงควรยกเลิกระบบปัจจุบันและนำมาจัดสรรใหม่ให้ผู้ค้าตัวจริง

นางญาใจ พัฒนสุขสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า สำนักงานสลากฯ เป็นองค์นำส่งรายได้เข้าคลังสูงมาก แต่บางประเทศลดสัดส่วนนำส่งรัฐร้อยละ 25 บางประเทศส่งรัฐร้อยละ 50 การกำหนดให้มีองค์กรกำกับดูแล ดังนั้น สำนักงานสลากฯ อาจปรับไปสู่ผู้กำกับเหมือนกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรคมนาคม และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) หรือไม่ โดยให้หน่วยงานอื่นหรือภาคเอกชนเป็นผู้ออกรางวัลเหมือนกับต่างประเทศ และการซื้อสลากฯ ในฮ่องกง สหรัฐฯ กำหนดอายุผู้ซื้อรางวัลไม่เกิน 18 ปี เพื่อกันเยาวชนไม่ให้เข้าถึงการเสี่ยงโชค

นายธนากร คมกฤช ตัวแทนคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางการปฏิรูปสลากฯ วุฒิสภา กล่าวว่า ควรเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรของสำนักงานสลากฯ ไปสู่การเป็นผู้กำกับดูแล เพื่อให้มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาด โดยผู้กำกับเป็นผู้ออกแนวทางปฏิบัติ เพื่อให้ผู้ออกรางวัลแข่งขันโดยเสรี การตั้งเงินส่งรายได้เข้ารัฐเหลือร้อยละ 10 เหมือนกับการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และเปลี่ยนเป้าหมายองค์กรจากเดิมหารายได้เข้ารัฐ เพื่อเป็นองค์กรช่วยเหลือทางสังคม เพื่อนำเงินไปตั้งเป็นกองทุน และปรับโครงสร้างองค์กร โดยการคานอำนาจภายในองค์กรสำนักงานสลาก แทนการคุมอำนาจจากบอร์ดสลาก เพื่อแบ่งออกเป็น 3 ด้าน ในการบริหารจัดการองค์กร

ดังนั้น จึงควรตั้งกองทุนช่วยเหลือสังคมสัดส่วนประมาณร้อยละ 15 จากรายได้การจำหน่ายสลากฯ โดยแบ่งเงินจากองทุนดังกล่าวสัดส่วนร้อยละ 35 นำส่งไปยังกองทุนตามกฎหมายให้กับกองทุนคุ้มครองเด็ก กองทุนผู้สูงอายุ กองทุนคนพิการผู้ด้อยโอกาส อีกสัดส่วนร้อยละ 30 นำเงินส่งไปยังกองทุนตามกฎหมาย เช่น กองทุนส่งเสริมกีฬา กองทุนศิลปะ เพื่อสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์ ละครที่ดีต่อสังคม อีกสัดส่วนร้อยละ 30 นำไปใช้ส่งเสริมภาคประชาชน และส่วนที่เหลือนำไปใช้รณรงค์ลดปัญหาการพนัน
กำลังโหลดความคิดเห็น