xs
xsm
sm
md
lg

ส่งออกไทยส่อติดลบ เตือนรับมือบาทแกว่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- “กกร.” ประเมินส่งออกปีนี้มีโอกาสไม่โตหรือเลวร้ายสุดอาจติดลบ 1% หากไม่สามารถทำตัวเลขส่งออก 3 เดือนสุดท้ายโตเท่า 3 เดือนที่ผ่านมาได้ รับกังวลเหตุตัวเลขล่าสุดไม่สู้ดี ขณะสมาคมธนาคารไทยส่งสัญญาณผู้ส่งออกรับมืออีก 3- 6 เดือนข้างหน้าบาทจะผันผวนเพิ่ม เตรียมเสนอเวทีกรอ.ปฏิรูปรฟท.ลดต้นทุนขนส่งของประเทศ เสนอปรับปรุงกม.4ฉบับเร่งด่วน

นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) เปิดเผยว่า กกร.ได้ประเมินภาวะเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะการส่งออกปีนี้ที่มีแนวโน้มอาจไม่โตหรืออาจติดลบ 1% กรณีเลวร้ายสุดเนื่องจากตัวเลขส่งออกส.ค.ติดลบ 7.4% เพราะภาวะเศรษฐกิจจีนชะลอตัว ขณะที่สหรัฐและยุโรปก็ยังไม่ฟื้นเท่าที่ควร ประกอบกับราคาสินค้าภาคเกษตรตกต่ำแม้ว่าจะส่งออกในปริมาณที่เพิ่มขึ้นก็ตามเช่น ข้าว ยางพารา น้ำตาล ซึ่งกกร.จะได้ศึกษาข้อมูลเชิงลึกก่อนที่จะหามาตรการในการดำเนินการต่อไป

“ ส่งออกที่ดีตอนนี้ก็มีการค้าชายแดนที่จะยังโต 10% ท่องเที่ยวก็เริ่มกลับมาฟื้นตัวบ้าง แต่การบริโภคในประเทศแผ่วลงไม่ดีเท่าที่ควรก็ยังหวังว่าไตรมาส 4 การส่งออกจะมีเข้ามาบ้างจากจีนแต่ก็เหลือเวลาไม่มากนักเพราะใกล้ปีใหม่แล้ว ”นายอิสระกล่าว

นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการปฏิรูปการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ที่จะมีการเสนอสู่ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมรัฐและเอกชนหรือกรอ. ในเร็วๆ นี้ ซึ่งหลักการระบบรางจะช่วยลดต้นทุนด้านขนส่งของไทยและยังลดอุบัติเหตุและพลังงาน ซึ่งข้อสรุปดำเนินการคือควรปฏิรูป 4 เรื่องได้แก่ 1. การจัดตั้งคณะกรรมการปฏิรูประบบรางที่มีองค์ประกอบหลักได้แก่ กระทรวงคมนาคม คลัง สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน กำหนดกรอบให้ชัดภายใน 1 ปี 2.ปรับโครงสร้างองค์กรเป็นแบบกระจายอำนาจลดซ้ำซ้อน มีตัวชี้วัดการดำเนินงาน 3. ตั้งคณะทำงานการขนส่งทางรางและ 4 การสื่อสารที่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงและสร้างความเชื่อมั่นโดยผู้บริหารระดับสูงในการเปลี่ยนแปลงองค์กร

นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ส่งออกมีโอกาสติดลบ 1% กรณีเลวร้ายหาก 3 เดือนสุดท้ายนี้การส่งออกต่ำกว่า 3 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือ GDP ปีนี้คาดว่าจะโตได้ระดับ 1.5-2% เนื่องจากจะมีเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจจากการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐหมุนเวียนในระบบช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ได้อีกประมาณ 1 แสนล้านบาทจากงบประมาณที่วางไว้ 3.6 แสนล้านบาท

ส่วนภาวะค่าเงินบาทที่อ่อนค่าหากเทียบกับภูมิภาคก็ยังคงอ่อนค่าน้อยกว่า อย่างไรก็ตามอีก 3-6 เดือนข้างหน้าค่าเงินบาทจะผันผวนมากขึ้นเนื่องจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือ คิวอี จะจบในเดือนต.ค.นี้และสหรัฐฯจะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งระหว่างจะขึ้นเมื่อใดและเท่าใดนั้นจะทำให้บาทจะผันผวนสูงดังนั้นผู้ส่งออกจะต้องเตรียมทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไว้

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานส.อ.ท. กล่าวว่า ขณะนี้ออร์เดอร์ส่งออกเริ่มทยอยปิดแล้วเนื่องจากเดือนธ.ค.ทางสหรัฐและยุโรปก็จะเข้าสู่เทศกาลหยุดยาว ดังนั้นสิ่งที่จะต้องติดตามลุ้นการเพิ่มยอดส่งออกจะเป็นการค้าชายแดนและการค้าในประเทศแถบเอเชียเท่านั้น อย่างไรก็ตามก็คาดหวังว่าส่งออกปี 2558 จะโตและจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะขับเคลื่อนได้เป็นรูปธรรมมากขึ้น GDP ปี 2558 จะโตได้ 3.5-4%

“กกร.ได้เห็นชอบที่จะเร่งผลักดันการปรับปรุงกฏหมาย 4 ฉบับเสนอรัฐบาลเร่งด่วนได้แก่ 1.พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ 2. พ.ร.บ.ศุลกากร เช่น รางวัลนำจับ 3. การปรับปรุงระบบภาษีสรรพากรทั้งระบบใหม่ เพื่อการพัฒนาประเทศ 4. พ.ร.บ.เกี่ยวกับตั๋วแลกเงิน เป็นต้น ส่วนอีก 24 ฉบับที่เป็นกฏหมายเร่งด่วนจะมีการติดตามต่อไป”นายสุพันธ์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น