ธปท.หนุนเอกชนใช้เงินหยวนในการทำการค้า และการลงทุนกับจีน เพื่อลดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน แนะใช้ฮ่องกงเป็นตลาดเงินหลักที่ซื้อขายเงินหยวน
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับธนาคารกลางฮ่องกง จัดการประชุมสัมมนาในหัวข้อ “Hong Kong-Thailand Renminbi Business Forum” เพื่อเพิ่มความร่วมมือในการทำธุรกรรมเงินหยวนในประเทศไทย และเขตปกครองพิเศษฮ่องกง เป็นทางเลือกในการชำระเงินเพื่อการค้าและการลงทุนนอกเหนือจากการใช้เงินสกุลหลัก โดยมีผู้แทนจากทั้งหน่วยงานภาครัฐ ธนาคารพาณิชย์ของไทย และฮ่องกง ภาคธุรกิจ กองทุนรวม และบริษัทประกันชีวิตเข้าร่วมกว่า 150 คน
นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธปท. ได้กล่าวในการเปิดงานสัมมนาว่า ปัจจุบันฮ่องกงถือเป็นตลาดเงินหยวนที่ซื้อขายในต่างประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีบริการธุรกรรมเงินหยวนที่หลากหลาย และเป็นศูนย์กลางการระดมทุนและลงทุนในผลิตภัณฑ์เงินหยวนที่สำคัญ จึงจำเป็นต้องหาแนวทางในการส่งเสริม และลดอุปสรรคการให้บริการธุรกรรมเงินหยวน ประกอบกับความสำคัญของเงินหยวนมีแนวโน้มว่าจะมีบทบาทเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต และได้พยายามส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยหันมาใช้เงินหยวนในการค้าและการลงทุนมากขึ้น เพื่อเป็นเครื่องมือหนึ่งในการบริหารจัดการความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และลดผลกระทบจากความผันผวนของเงินสกุลหลัก
น.ส.วชิรา อารมย์ดี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงิน กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการไทยมีการชำระค่าสินค้า และบริการด้วยเงินสกุลหยวนน้อยมาก โดยไม่ถึงร้อยละ 1 แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของการค้าระหว่างไทย-จีน ดังนั้น ต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งในการเพิ่มสัดส่วนการทำธุรกรรมด้วยเงินหยวน ขณะเดียวกัน ทางรัฐบาลจีนก็ยอมรับว่า กฎหมายจีนเกี่ยวกับเงินสกุลหยวนมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ซึ่ง ธปท. และธนาคารพาณิชย์จะประสานจัดทำคู่มือให้ความรู้ และความเข้าใจต่อผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง
สำหรับมูลค่าการค้าไทย-จีน ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 มีมูลค่าอยู่ที่ 25,256.38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยนำเข้าจากจีน มูลค่า 10,403.57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และส่งออกไปจีน มูลค่า 14,852.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ด้านนายวินเซนต์ ลี กรรมการบริหาร ธนาคารกลางฮ่องกง กล่าวว่า ถือเป็นช่วงจังหวะที่ดีที่จะส่งเสริมการใช้เงินหยวนในการทำธุรกรรมการค้าให้มากขึ้น โดยเฉพาะกับนักธุรกิจไทย เพราะปัจจุบันการค้าระหว่างไทยกับจีนขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีนักธุรกิจจีนเข้ามาตั้งสำนักงานอยู่ในประเทศไทย และอาเซียน ซึ่งเมื่อเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ที่จะมีการเปิดเสรีทางการค้า และการลงทุน จะทำให้มูลค่าการค้าระหว่างไทย-จีน และอาเซียน-จีน ขยายตัวขึ้นอีกมาก ประกอบกับตลาดหุ้นมีการเชื่อมโยงถึงกัน ทำให้มีนักลงทุนไทยสนใจเข้าไปลงทุนในฮ่องกงเป็นจำนวนมาก ดังนั้น หากใช้เงินสกุลหยวนจะยิ่งช่วยอำนวยความสะดวก และลดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนได้ดี โดยสนับสนุนให้ใช้ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางตลาดเงินหยวนหลัก