ธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับธนาคารกลางฮ่องกง จัดสัมมนาเพิ่มความร่วมมือทำธุรกรรมเงินหยวนในไทยและเขตปกครองพิเศษฮ่องกง เพื่อจะเป็นทางเลือกในการชำระเงินเพื่อการค้าและการลงทุน งานนี้มีผู้แทนทั้งจากภาครัฐ ธนาคารพาณิชย์ไทยและฮ่องกง ภาคธุรกิจ กองทุนรวม และบริษัทประกันชีวิต
นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ฮ่องกงเป็นตลาดเงินหยวนที่ซื้อขายในต่างประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีการบริการธุรกรรมเงินหยวนที่หลากหลาย และเป็นศูนย์กลางการระดมทุนและลงทุนในผลิตภัณฑ์เงินหยวนที่สำคัญ ดังนั้น จึงต้องหาแนวทางในการส่งเสริมและลดอุปสรรค ขณะที่เงินหยวนมีแนวโน้มจะมีบทบาทเพิ่มมากขึ้นในอนาคต จึงพยายามส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้เริ่มหันมาใช้เงินหยวนในการค้าและการลงทุนที่มากขึ้น เพื่อเป็นเครื่องมือหนึ่งในการบริหารความเสี่ยง และลดผลกระทบจากความผันผวนของเงินสกุลหลักด้วย
ขณะที่นางสาววชิรา อารมณ์ดี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดการเงิน ระบุว่า ปัจจุบันนี้ผู้ประกอบการไทยชำระค่าสินค้าและบริการด้วยเงินสกุลหยวนน้อยมาก คือไม่ถึงร้อยละ 1 แต่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นตามการขยายตัวของการค้าไทย-จีน ซึ่งต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการเพิ่มสัดส่วน
ขณะเดียวกัน รัฐบาลจีนยอมรับว่า กฎหมายจีนที่เกี่ยวกับเงินสกุลหยวนนั้น เปลี่ยนแปลงบ่อย ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารพาณิชย์ จะประสานจัดทำคู่มือให้ความรู้และความเข้าใจกับผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง
ทางด้านนายวินเซนต์ ลี กรรมการบริหาร ธนาคารกลางฮ่องกง กล่าวว่า ถือเป็นจังหวะดีที่จะส่งเสริมการใช้เงินหยวนในการทำธุรกรรมการค้าให้มากขึ้น เพราะการค้าไทย-จีน ขยายตัวเพิ่มอย่างต่อเนื่อง มีนักธุรกิจจีนเข้ามาตั้งสำนักงานในไทยและอาเซียน ซึ่งเมื่อเกิดประชาคมอาเซียน จะทำให้มูลค่าการค้าระหว่างไทย-จีน และอาเซียน-จีน ขยายตัวขึ้นอีกมาก ประกอบกับตลาดหุ้นมีการเชื่อมโยงถึงกัน ทำให้มีนักลงทุนไทยสนใจเข้าไปลงทุนในฮ่องกงเป็นจำนวนมาก หากใช้เงินสกุลหยวน จะยิ่งช่วยอำนวยความสะดวกและลดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนได้ดี โดยสนับสนุนให้ใช้ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางตลาดเงินหยวนหลักด้วย
นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ฮ่องกงเป็นตลาดเงินหยวนที่ซื้อขายในต่างประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีการบริการธุรกรรมเงินหยวนที่หลากหลาย และเป็นศูนย์กลางการระดมทุนและลงทุนในผลิตภัณฑ์เงินหยวนที่สำคัญ ดังนั้น จึงต้องหาแนวทางในการส่งเสริมและลดอุปสรรค ขณะที่เงินหยวนมีแนวโน้มจะมีบทบาทเพิ่มมากขึ้นในอนาคต จึงพยายามส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้เริ่มหันมาใช้เงินหยวนในการค้าและการลงทุนที่มากขึ้น เพื่อเป็นเครื่องมือหนึ่งในการบริหารความเสี่ยง และลดผลกระทบจากความผันผวนของเงินสกุลหลักด้วย
ขณะที่นางสาววชิรา อารมณ์ดี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดการเงิน ระบุว่า ปัจจุบันนี้ผู้ประกอบการไทยชำระค่าสินค้าและบริการด้วยเงินสกุลหยวนน้อยมาก คือไม่ถึงร้อยละ 1 แต่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นตามการขยายตัวของการค้าไทย-จีน ซึ่งต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการเพิ่มสัดส่วน
ขณะเดียวกัน รัฐบาลจีนยอมรับว่า กฎหมายจีนที่เกี่ยวกับเงินสกุลหยวนนั้น เปลี่ยนแปลงบ่อย ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารพาณิชย์ จะประสานจัดทำคู่มือให้ความรู้และความเข้าใจกับผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง
ทางด้านนายวินเซนต์ ลี กรรมการบริหาร ธนาคารกลางฮ่องกง กล่าวว่า ถือเป็นจังหวะดีที่จะส่งเสริมการใช้เงินหยวนในการทำธุรกรรมการค้าให้มากขึ้น เพราะการค้าไทย-จีน ขยายตัวเพิ่มอย่างต่อเนื่อง มีนักธุรกิจจีนเข้ามาตั้งสำนักงานในไทยและอาเซียน ซึ่งเมื่อเกิดประชาคมอาเซียน จะทำให้มูลค่าการค้าระหว่างไทย-จีน และอาเซียน-จีน ขยายตัวขึ้นอีกมาก ประกอบกับตลาดหุ้นมีการเชื่อมโยงถึงกัน ทำให้มีนักลงทุนไทยสนใจเข้าไปลงทุนในฮ่องกงเป็นจำนวนมาก หากใช้เงินสกุลหยวน จะยิ่งช่วยอำนวยความสะดวกและลดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนได้ดี โดยสนับสนุนให้ใช้ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางตลาดเงินหยวนหลักด้วย
