xs
xsm
sm
md
lg

รับสร้างบ้าน Q3 แข่งเดือด “พีดีเฮ้าส์” หนีเจาะตลาดใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ระบุรับสร้างบ้านไตรมาส 3 ร้อนแรงการแข่งขันสูง ผู้ประกอบการโหมแคมเปญเร่งปั้นยอดขายชดเชยครึ่งปีแรก คาดอัตราขยายตัวต่ำกว่าคาดการณ์ เหตุเศรษฐกิจฟื้นช้า แนะผู้ประกอบการเฝ้าระวัง ปรับตัวตามภาวะตลาดและกำลังซื้อ เน้นสร้างจุดขายแตกต่างจากคู่แข่ง ด้าน “พีดีเฮ้าส์” หนีสงครามราคาหันเจาะตลาดใหม่ ฟุ้งยอดขาย 2-3 ปีก่อนหน้า โตจากลูกค้าสร้างบ้านต่างทำเล เผย 4 เดือนที่เหลือปี 2557 เน้นเจาะตลาดรับสร้างบ้านทำเลใหม่ พื้นที่ต่างจังหวัด หวังชดเชยกำลังซื้อทำเลเดิมชะลอตัว พร้อมทั้งอัดโปรโมชันชิงรางวัลเงินสดกว่า 5 ล้านบาท คาดกวาดยอดขายไตรมาส 3 กว่า 600 ล้านบาท

นายพิศาล ธรรมวิเศษ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดี เฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่า ภายหลังท่าทีความขัดแย้งทางการเมืองยุติลง และภาคประชาชนเริ่มมีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ทางการเมืองดีขึ้น ตลอดจนภาคธุรกิจเริ่มกลับมาขับเคลื่อนการค้าขายได้ตามปกติ โดยเฉพาะภาคธุรกิจรับสร้างบ้านที่บรรดาผู้ประกอบการ ซึ่งแข่งขันอยู่ในตลาดกรุงเทพฯ และปริมณฑล ต่างออกมาโหมจัดกิจกรรมทางการตลาดกันอย่างคึกคักในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมที่ผ่านมา หลังจากที่กำลังซื้อชะลอตัวมาตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ซึ่งในช่วงแรกของการปลุกตลาดและกำลังซื้อนั้น สามารถเรียกกำลังซื้อให้คืนกลับมาได้ดีพอสมควร แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงเดือนสุดท้ายของไตรมาส 3 นี้ กลับพบว่า กำลังซื้อผู้บริโภคโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เริ่มชะลอตัวลงอีกครั้ง ขณะเดียวกัน กำลังซื้อต่างจังหวัดในบางพื้นที่ เช่น จังหวัดในภาคเหนือก็ชะลอตัวตามด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ สถานการณ์ดังกล่าวประเมินได้ว่า ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจของประเทศ ที่ฟื้นตัวค่อนข้างช้า ดังนั้น ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านที่แข่งขันอยู่ในธุรกิจนี้ จึงควรเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์กันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น และเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ เพื่อปรับตัวตามทิศทางตลาดและกำลังซื้อผู้บริโภค นอกจากนี้ ควรหาแนวทางลดต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะต้นทุนค่าแรงทั้งทางตรงและทางอ้อม พร้อมกันนี้ ควรหันมาเน้นสร้างจุดขายของตัวเอง เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง

สำหรับตลาดรับสร้างบ้านและกำลังซื้อผู้บริโภคในช่วงครึ่งปีหลัง ยอมรับว่าขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และกำลังซื้อมีความผันผวนพอสมควร ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ที่ยืดเยื้อมานานและภาวะเศรษฐกิจปีนี้ที่ชะลอตัว ดังจะเห็นได้จากการที่ผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน ทั้งรายเล็กรายใหญ่ต่างออกมาแข่งขันราคากันอย่างดุเดือด แต่ก็ไม่อาจกระตุ้นการตัดสินใจของผู้บริโภคได้มากนัก โดยเฉพาะกำลังซื้อกลุ่มกลางถึงบนที่มักเน้นคุณภาพและบริการที่แตกต่างหรือเลือกความคุ้มค่าเป็นสำคัญ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการแข่งขันราคาไม่ใช่คำตอบสุดท้ายเสมอไป

“ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดขายเติบโตและถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการใช้บริการสร้างบ้านในพื้นที่ต่างทำเลกัน หรือการที่ลูกค้าสะดวกติดต่อกับสาขาของพีดีเฮ้าส์ในจังหวัดหนึ่ง แต่ต้องการจะสร้างบ้านอีกจังหวัดหนึ่ง เช่น ลูกค้าทำงานอยู่ประจำและสะดวกติดต่อกับสาขาจังหวัดระยอง แต่ทว่าต้องการสร้างบ้านหลังใหม่ที่จังหวัดขอนแก่น ฯลฯ เป็นต้น ฉะนั้น การที่บริษัทฯ มีสาขาให้บริการกระจายอยู่หลายจังหวัดทั่วประเทศ และสามารถให้บริการสร้างบ้านภายใต้มาตรฐานเดียวกันทุกสาขา จึงทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นและตัดสินใจเลือกสร้างบ้านกับบริษัทฯ ได้ง่ายขึ้น โดยลูกค้าที่มีความต้องการสร้างบ้านในลักษณะดังกล่าวมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวิเคราะห์ได้ว่าคนไทยที่เคยย้ายถิ่นตามสถานที่ประกอบอาชีพปัจจุบัน มีแนวโน้มในอนาคตเริ่มมีความต้องการย้ายกลับภูมิลำเนาเดิมหรือบ้านเกิดกันมากขึ้น”

นายพิศาล กล่าวว่า สำหรับระยะเวลาที่เหลืออีก 4 เดือนเศษในปีนี้ บริษัทฯ จะให้ความสำคัญกับการขยายฐานลูกค้าและตลาดรับสร้างบ้านเป็นสำคัญ ทั้งในแง่การตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย และขยายบริการรับสร้างบ้านให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เพื่อจะเจาะกลุ่มลูกค้าและกำลังซื้อใหม่ๆ ที่คู่แข่งไม่สามารถตอบสนองได้ อาทิเช่น การนำเสนอแบบบ้านในสไตล์ใหม่ๆ ทั้งแบบย้อนยุคและอินเทรนด์ การเลือกระบบก่อสร้างและวัสดุที่เป็นอินโนเวชัน การขยายสาขาในต่างจังหวัด ฯลฯ เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทฯ ไม่ต้องการเผชิญกับสงครามราคาที่บรรดาผู้ประกอบการต่างแข่งขันกันอย่างดุเดือดในปัจจุบัน

อย่างไรก็ดี บริษัทฯ เองก็ได้มีการจัดกิจกรรมคืนกำไรให้แก่ลูกค้าในช่วงไตรมาสสามนี้ ด้วยแคมเปญมอบโชคลุ้นชิงรางวัลที่ 1 ส่วนลดเงินสด 40% (สูงสุด 4 ล้านบาท) จำนวน 1 รางวัล และรางวัลที่ 2 ลุ้นรับส่วนลดเงินสด 4 แสนบาท จำนวน 2 รางวัล รวมทั้งรางวัลอื่นๆ อีกมากมายรวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายสำหรับแคมเปญนี้ไว้ 600 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น