“ธนเดช รังษีธนานนท์” ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรี จำกัด กล่าวผ่านรายการ “เข็มทิศตลาดทุน”ในช่วง “กูรูแนะทิศทาง” ถึงสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงของการปรับฐาน และช่วงนี้เองเป็นช่วงของรอยต่อในการประการผลดำเนินงานไตรมาส 2 อีกทั้งจากนั้นจะเป็นช่วงการประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ซึ่งจะทำให้ Set Index ถูกกดดันให้เคลื่อนตัวได้จำกัด
“ปัจจัยในช่วงนี้มองปัจจัยในประเทศ คือ การเมืองและเศรษฐกิจ โดยการเมืองต้องติดตามในเรื่องคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งต้องโฟกัสไปที่รัฐมนตรีที่คุมทางด้านเศรษฐกิจในกระทรวงสำคัญ ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงคมนาคม จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะชี้วัดความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้มากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ ยังต้องจับตามาตรการระยะสั้นที่จะออกมากระตุ้นความเชื่อมั่น และกำลังซื้อผู้บริโภค และมาตรการลงทุนระยะยาวในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนทางด้านเศรษฐกิจภาพรวมครึ่งปีแรกกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย แต่เชื่อว่าในครึ่งปีหลังจะเป็นปัจจัยเชิงบวกระยะยาวที่มีผลต่อดัชนี”
ขณะที่ปัจจัยในต่างประเทศที่เป็นบวก คือ เรื่องของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่กลับมาเข็มแข็ง แต่ฝั่งยุโรปโดยรวมยังไม่ดีเท่าไร สิ่งที่ต้องจับตาดู คือ แนวโน้มทิศทางการประชุมของธนาคารกลาง สหรัฐฯ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป จะมีมาตรการอะไรออกมา ส่วนการเมืองในต่างประเทศมองที่ความขัดแย้งในยูเครน เหตุการ์ในฉนวนกาซา ที่จะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีตามน้ำหนักของเหตุการณ์ ทำให้ยังต้องจับตาดูทิศทางเศรษฐกิจ และอัตราดอกเบี้ย ซึ่งภาพรวมมองว่าดัชนีมีแนวต้านหลักที่ 1,570 จุด และแนวรับ 1,540 จุด
สำหรับช่วง “ส่องกล้อง Gold Futures” ด้าน“ฐิภา นววัฒนทรัพย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด มองว่า ก่อนหน้านี้ราคา ทองคำปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงหลุดแนวรับสำคัญ 1,280 เหรียญ เหตุเพราะสถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มคลี่คลาย และรายงานประชุมเฟด มีออกมาว่ามีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไตรมาสแรกปีหน้า
นอกเหนือจากนี้ ยังมีในเรื่องยอดขายบ้านที่เพิ่มขึ้น และการขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ ที่น้อยลง สะท้อนเศรษบกิจสหรัฐฯ ที่ดีขึ้น ดังนั้น ปัจจัยที่ต้องติดตามคือ ประมาณการ GDP สหรัฐฯ หากออกมาดีก็จะกดดันราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อ
“ราคาทองคำตอนนี้มีแนวต้าน 1,280 เหรียญ/ออนซ์ ถ้าผ่านมาได้จะมีแนวต้านที่ 1,300 เหรียญ/ออนซ์ ขณะที่แนวรับแรกคือ 1,260 เหรียญ/ออนซ์ แนวรับต่อไปคือ 1,240 เหรียญ/ออนซ์”
อย่างไรก็ตาม แม้นักวิเคราะห์จะนำเสนอข้อมูลที่ช่วยโฟกัสทิศทางการลงทุนให้แก่นักลงทุนที่สนใจไปแล้ว แต่นักลงทุนควรหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจเพิ่ม โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหุ้นที่จะได้รับอานิสงส์จากการลงทุนภาครัฐ เพื่อสามารถบริหารพอร์ตลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนักลงทุนที่สนใจสามารถติดตามรายการ “เข็มทิศตลาดทุน” ผ่านเว็บไซต์ www.manager.co.th หรือทางแฟนเพจ Astv Stock Market
