“บิวตี้ คอมมูนิตี้” เผยครึ่งปีหลังกำลังซื้อผู้บริโภคไทย ต่างชาติคึกคัก เดินหน้าแผนอัดโปรโมชัน ปรับกลยุทธ์เร่งเปิดสาขาตั้งแต่ไตรมาส 3 เพิ่มศักยภาพพนักงานหน้าร้านดันยอดขายพุ่ง มั่นใจทั้งปีรายได้โต 30% ตามเป้า พร้อมรักษาอัตรากำไรสุทธิเติบโตไม่ต่ำกว่า 20%
นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิว เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง ตลาดค้าปลีกเครื่องสำอางในประเทศมีแนวโน้มสดใส จากกำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 2 ที่ผ่านมา รวมทั้งกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เริ่มกลับเข้ามาในประเทศไทยอีกครั้ง ซึ่งเป็นผลจากการคลี่คลายของสถานการณ์ทางการเมือง ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจเริ่มมีทิศทางดีขึ้น และเป็นช่วงไฮซีซันด้วย
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการจัดเตรียมแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง 57 โดยการทำโปรโมชัน และออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อกระตุ้นยอดขาย ทั้งในส่วนของร้าน BEAUTY BUFFET, BEAUTY COTTAGE, BEAUTY MARKET คาดว่าจะมีกระแสตอบรับที่ดีเป็นอย่างมากจากกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ
นอกจากนี้ ปัจจัยที่จะผลักดันให้ผลประกอบการของ BEAUTY มีการเติบโตเพิ่มขึ้นยังมาจากการขยายสาขา BEAUTY BUFFET BEAUTY COTTAGE และ BEAUTY MARKET เพื่อให้ครอบคลุมการเข้าถึงของกลุ่มลูกค้ามากขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมทั้งปรับกลยุทธ์เพิ่มศักยภาพด้านการขายให้แก่บุคลากร จัดอบรมพัฒนาการบริการ ส่งผลให้ยอดขายของ SHOP BRAND สาขาเดิมมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น และมีการจัดกิจกรรมทางการตลาดที่เหมาะสมต่อพฤติกรรมลูกค้าในแต่ละพื้นที่
สำหรับการขยายสาขา Shop Brand ในประเทศ ปีนี้ตั้งเป้า BEAUTY BUFFET มีสาขารวม 210 สาขา จากปัจจุบัน 192 สาขา BEAUTY COTTAGE จะมีสาขารวม 70 สาขา จากปัจจุบัน 58 สาขา และ BEAUTY MARKET จะมีสาขารวม 18 สาขา จากปัจจุบัน 9 สาขา โดยบริษัทได้มีการปรับแผนการดำเนินงานจากเดิมที่การเปิดสาขา shop brand กระจุกตัว และเปิดสาขาพร้อมๆ กันในไตรมาส 4 ปัจจุบัน ได้มีการปรับแผนการดำเนินงานให้ทยอยเปิดสาขาใหม่ๆ ให้เร็วขึ้นในไตรมาส 3 ซึ่งจะส่งผลให้มีการรับรู้รายได้เร็วขึ้น อีกทั้งสำหรับการขยายสาขาในต่างประเทศ ภายในปี 2557 บริษัทจะมีการขยายสาขา BEAUTY BUFFET และ BEAUTY COTTAGE ในต่างประเทศเพิ่มเติมอย่างน้อย 13 แห่ง ประกอบด้วย เวียดนาม ลาว กัมพูชา และพม่า
“ในช่วงครึ่งปีหลัง 2557 เราเชื่อว่าการเติบโตจะอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก และช่วยผลักดันให้การเติบโตของรายได้อยู่ที่ 30% และรักษาอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิอยู่ที่ 20% ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยนอกเหนือจากการขยายธุรกิจ การขยายสาขาต่อเนื่องแล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญต่อการควบคุมต้นทุน และการบริหารจัดการที่ดีเป็นอย่างมาก เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรของบริษัท” นายแพทย์สุวิน กล่าว
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/57 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 315.2 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 247.38 ล้านบาท จำนวน 67.82 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 27.42% และมีกำไรสุทธิ 61.57 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 55.18 ล้านบาท จำนวน 6.39 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.58% และมีอัตราการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิมทีมีอยู่เป็นบวกเฉลี่ยถึง 15.15% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ที่มีอยู่ 1.89%
ขณะที่ผลประกอบการครึ่งแรกปี 2557 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 596.07 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 480.22 ล้านบาท จำนวน 115.85 ล้านบาท หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 24.12% และมีกำไรสุทธิสำหรับงวด 115.16 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 109.38 ล้านบาท จำนวน 5.78 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.29% และมีอัตราการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิมทีมีอยู่เป็นบวกเฉลี่ยถึง 8.61%
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.57 โดยบริษัทจะทำการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.35 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 105 ล้านบาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นซึ่งมีชื่อปรากฏ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 28 สิงหาคม 2557 ประกาศปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 29 สิงหาคม 2557 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 กันยายน 2557