บอร์ด ธ.ก.ส. ไฟเขียวมาตรการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ อนุมัติงบ 10,000 ล้านบาท หวังช่วยเหลือเกษตรกรและบุคคลในครัวเรือนที่ออกไปทำงานในต่างจังหวัดรายละไม่เกิน 1 แสนบาท ดอกเบี้ยต่ำเพียงร้อยละ 12 ต่อปี ผ่อนชำระนาน 10 ปี คาดเริ่มโครงการ 1 ก.ย.นี้
นายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ธ.ก.ส.มีมติเห็นชอบให้ ธ.ก.ส.จัดทำโครงการแก้ไขหนี้นอกระบบของเกษตรกรและบุคคลในครัวเรือน เพื่อเป็นมาตรการหนึ่งในการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบตามนโยบาย คสช. หวังลดภาระหนี้ของประชาชนเพื่อมีโอกาสฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพให้เข้มแข็งขึ้น เริ่มโครงการ 1 กันยายน 2557 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2558
สำหรับเกษตรกรที่สนใจเข้าร่วมการช่วยเหลือ ต้องมีภาระหนี้นอกระบบทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยรวมกับสุทธิหลังประนอมหนี้แล้วยอดคงเหลือไม่เกิน 100,000 บาท และต้องเป็นหนี้ที่เกิดจากเหตุสุจริตจำเป็นและเป็นภาระหนัก ไม่ใช่เล่นการพนันหรือภาระหนี้จากความฟุ่มเฟือย โดยเริ่มก่อหนี้ก่อนวันที่ 1 กันยายน 2557 และต้องมีเอกสารหลักฐานการเป็นหนี้จริง เมื่อพิจารณาเงื่อนไขผ่านแล้ว ธ.ก.ส. ให้กู้ต่อรายไม่เกิน 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 12 ต่อปี
นอกจากนี้ยังผ่อนปรนเงื่อนไขให้กรณีผู้กู้ไม่สามารถชำระคืนเงินกู้เมื่อถึงกำหนดชำระทั้งหมดหรือบางส่วน หากไม่มีเหตุอันสมควร ธนาคารคิดเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 3 ต่อปี กำหนดระยะเวลาชำระหนี้คืนไม่เกิน 10 ปี กรณีพิเศษไม่เกิน 12 ปี โดยหลักประกันสามารถใช้อสังหาริมทรัพย์ เงินฝาก การค้ำประกันกลุ่ม และหรือบุคคลค้ำประกัน มีเป้าหมายเกษตรกรรายย่อยจะเข้าโครงการประมาณ 1.5 แสนราย วงเงิน 10,000 ล้านบาท ยอมรับว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 12 ไม่สูงมากนัก เพราะใช้รูปแบบเงินต้นลดภาระดอกเบี้ยลดลงด้วย แตกต่างกับดอกเบี้ยบัตรเครดิตอัตราดอกเบี้ยประมาณร้อยละ 24 และขณะที่ดอกเบี้ยนอกระบบร้อยละ 3-5 ต่อเดือน ซึ่งนับว่าสูงมาก
หากลูกหนี้รายใดมีภาระหนี้เกิน 1 แสนบาท ได้ประสานกับกองทุน สป.กษ. ของกระทรวงเกษตรฯ เสนอรัฐบาลแก้ไขระเบียบเพื่อขยายวัตถุประสงค์ของกองทุนนำเงินมาปล่อยกู้ให้เกษตรกรในภาระกิจอื่นจากเดิมเน้นช่วยเหลือเฉพาะการสวนที่ดินไม่ให้ตกไปอยู่ในมือผู้อื่นจากการค้ำประกันเงินกู้ กองทุนดังกล่าวมีเงินทุนนับพันล้านบาทสนับสนุนจากรัฐบาลและยังมีเงินชำระหนี้ไหลเข้ามา จึงเพียงพอต่อการขอกู้เงินได้อีกส่วนหนึ่ง เพื่อมาปล่อยสินเชื่อให้เกษตรกรได้เพิ่มเติมนอกจากเรื่องการสงวนที่ดิน เพราะเข้าโครงการแรกไม่ได้และไม่สามารถผ่อนชำระภายใน 12 ปี ตามกำหนด
นอกจากนี้ยังพร้อมปล่อยสินเชื่อ “โครงการสินเชื่ออุ่นใจคนไกลบ้าน” ให้กับบุตรหลานของเกษตรกรลูกค้าที่ออกไปทำงานในต่างจังหวัดหรือในเมืองหลวง ซึ่งออกมาประกอบอาาชีพ หาบเร่แผงลอย โดยจะใช้สาขาของ ธ.ก.ส.ในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 30 สาขา เพื่อขายให้ได้ถึง 50 สาขาในปีนี้ เพื่อติดตามดูแลลูกค้า เพื่อกู้เงินร่วมกับสมาชิก ธ.ก.ส.ในการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ หากมีความจำเป็นต้องการเงินใช้ลงทุนจะได้ไม่ต้องไปหากู้เงินนอกระบบ ธนาคารจึงปล่อยกู้รายละไม่เกิน 1 แสนบาท เบื้องต้นปล่อยกู้ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จากนั้นค่อยขยายไปในต่างจังหวัดเพิ่มเติม เป้าหมาย 1 หมื่นราย วงเงิน 1,000 ล้านบาท เพื่อลดภาระให้รายย่อย
เพื่อดูแลลูกค้าให้สามารถฟื้นฟูอาชีพได้อย่างยั่งยืน รวมถึงป้องกันความเสี่ยงจากภาระหนี้ ไม่ให้ตกเป็นภาระของครอบครัว ธ.ก.ส.ได้จัดทำประกันสินเชื่อเงินฝากสงเคราะห์ชีวิตให้แก่ลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการทุกราย ในวงเงินประกันไม่เกินรายละ 100,000 บาท ตลอดอายุสัญญาหรือจนกว่าจะชำระหนี้เสร็จ พร้อมกำหนดให้ผู้กู้ต้องเข้ารับการอบรมฟื้นฟูหลักสูตรบริหารทุนและหนี้ เพื่อปรับแนวคิดในการดำเนินชีวิต เช่น มีการจัดทำบัญชีครัวเรือน เพื่อเป็นแนวทางลดค่าใช้จ่ายและออมเงินเพื่อสร้างฐานะ รวมถึงสามารถชำระหนี้ได้ และหลักสูตรการสร้างรายได้เพื่อสนับสนุนให้ประกอบอาชีพที่เหมาะสมตามภูมิสังคมและมีรายได้พอเพียง รวมถึงมีเงินเหลือออม โดย ธ.ก.ส.จะจัดอบรมให้สำหรับรายที่พิจารณาแล้วว่ามีปัญหาในการประกอบอาชีพ ทั้งนี้ ธ.ก.ส.จะเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมด