xs
xsm
sm
md
lg

“ASP” กำไรสุทธิทะลุเป้า 670 ล้านบาท (ชมคลิป)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.หลักทรัพย์เอเซียพลัส หรือ ASP
ASP ฟุ้งกำไรสุทธิเกินเป้า 670 ล้านบาท เน้นเพิ่มสัดส่วนธุรกิจ IB มากขึ้นถึง 25% จากปีก่อนที่ 11% แนะนักลงทุนเลือกลงทุนหุ้นตามเทรน ส่วน GDP ไทยในปีนี้ คาดจะเติบโตได้ที่ระดับ 2% ส่วนปีหน้าอาจโตถึง 4-5%  

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.หลักทรัพย์เอเซียพลัส หรือ ASP กล่าวว่า หลังจากที่ คสช. เข้ามาบริหารตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นเริ่มกลับเข้าสู่สถานการณ์ภาวะปกติมากขึ้น ซึ่งตลาดหุ้นเริ่มมีสภาพคล่องล้นตลาดจากผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ของบริษัทจดทะเบียนที่ดีขึ้น อย่างไรก็ดี คาดว่าหลังจากที่จัดตั้งรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะทำให้เศรษฐกิจไทยมีทิศทางที่สดใสขึ้น  โดยบริษัทฯ ประเมินว่ากำไรสุทธิปีนี้จะทำได้มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 670 ล้านบาท หลังจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในช่วงครึ่งปีหลังเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่มากกว่า 4 หมื่นล้านบาทต่อวัน จากครึ่งปีแรกอยู่ที่ระดับ 3.1 หมื่นล้านบาทต่อวัน หลังจากปัญหาการเมืองคลี่คลายทำให้ความเชื่อมั่นกลับคืนมา 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีรายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจเข้ามาช่วยเสริมเป็นจำนวนมาก โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจแตะระดับ 25% สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้ง ขณะที่ยังมีงานในมือที่เซ็นสัญญาแล้วเหลืออีก 22 รายการ แบ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนที่เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น เพื่อจำหน่ายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปหรือ IPO จำนวน 10 บริษัท ส่วนที่เหลือเป็นงานด้านที่ปรึกษาทางการเงินอื่นๆ และการเจรจาเพื่อเข้าควบรวมกิจการ (M&A) อย่างไรก็ดี ประเมินว่าทั้งรายได้และกำไรสุทธิไตรมาส 3 จะดีกว่าไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ที่มีรายได้ 762 ล้านบาท กำไรสุทธิ 255 ล้านบาท เป็นไปตามปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นและที่สำคัญในไตรมาส 3 เป็นช่วงที่ปัญหาการเมืองมีเสถียรภาพ



“หากพิจารณาผลประกอบการไตรมาสที่ 3 และภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจนับจากนี้ คาดว่า จะช่วยพยากรณ์เศรษฐกิจในปีหน้าได้ชัดเจนมากขึ้น โดยคาดว่าวอลุ่มเทรดในช่วงครึ่งปีหลังจะอยู่ที่ประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาทต่อวัน ขณะที่ฟันด์โฟลว์จากนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นขณะนี้นั้น มีไม่มากหากเทียบกับปีที่แล้ว โดยการลงทุนในรอบนี้ จะเป็นนักลงทุนภายในประเทศส่วนใหญ่ ซึ่งรายได้และกำไรปีนี้หากเทียบกับปีที่แล้วยังคงต่ำกว่า เทียบจากสถานการณ์ปกติผลประกอบการปี 2555 ที่มีรายได้ 2,082 ล้านบาท กำไรสุทธิ 603 ล้านบาท โดยบริษัทเตรียมปรับแผนทางธุรกิจให้สอดคล้องกับภาวะการที่เกิดขึ้น ซึ่งมีการกระจายความเสี่ยงไปยังธุรกิจอื่นๆ มากขึ้น ปัจจุบันรายได้จากธุรกิจโบรกเกอร์เหลือเพียง 46% เท่านั้น จากปีก่อนที่อยู่ระดับกว่า 60% ซึ่งได้มีการเน้นไปที่ธุรกิจ IB สัดส่วนเพิ่มขึ้นมาเป็น 25% จากปีก่อน 11% รวมไปถึงด้านการลงทุนอื่นๆ ของบริษัทฯ ที่เพิ่มขึ้นด้วย”

อย่างไรก็ดี นักลงทุนควรเลือกกระจายความเสี่ยงลงทุนในหุ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยพิจารณาจากสภาวะตลาด หากดัชนี SET INDEX ปรับตัวขึ้นมาให้ทยอยขายออก และเมื่อปรับลดราคาลงมา ให้เลือกซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ตามเทรนของการลงทุนในแต่ละช่วงให้ถูกจังหวะ เช่น เลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานทดแทน หรือ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และนอกเหนือจากนี้ ควรพิจารณาการลงทุนในหุ้นเป็นรายบริษัทจากอัตราการเติบโตที่ดีขึ้น ที่ไม่อิงกับปัญหาผลกระทบการเมืองภายในประเทศ เช่น TUF CPF และหุ้นกลุ่มธนาคาร

ขณะเดียวกัน ภาพรวมการลงทุนในตลาดโลกขณะนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความสนใจในการเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นจีน เนื่องจากก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นจีนอยู่ในภาวะซบเซามากว่า 7 ปี และเริ่มปรับตัวฟื้นขึ้นมา นอกจากนี้ในส่วนของแนวโน้มตลาดหุ้นโลกที่นักลงทุนส่วนใหญ่ตื่นตัวกับข่าวที่สหรัฐฯ จะยกเลิกมาตรการ QE ก่อนกำหนด ขณะที่มีข่าวว่า ทางประเทศอังกฤษอาจปรับฟื้นอัตราดอกเบี้ยเงินปอนด์ อีกทั้ง GDP ในปีนี้คาดว่า จะเติบโตได้ที่ระดับ 2% ปีหน้า 4-5% โดยคาดหวังว่าตัวเลขการส่งออกและภาคการท่องเที่ยวจะเข้ามาสนับสนุนในช่วงที่เหลือของปี  หากออกมาดีจะทำให้ P/E ของตลาดหุ้นไทยลดลง และทำให้มุมมองต่อตลาดหุ้นไทยกลับอยู่ในระดับที่น่าสนใจอีกครั้ง
 


กำลังโหลดความคิดเห็น