ARROW ตั้งเป้าหมายรายได้ทั้งปีไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท เทียบอัตราเติบโตไม่ต่ำกว่า 13-15% จากปีที่แล้ว ฟันกำไรไตรมาส 1 แล้วกว่า 35.86 ล้านบาท จากออเดอร์การขายและกำไรขั้นต้นที่เพิ่มมากขึ้น คาดโตต่อเนื่องทั้งปี พร้อมเน้นจำหน่ายท่อลมในระบบปรับอากาศภายในอาคาร และกลุ่มสินค้าประเภทท่อร้อยสายไฟใต้ดิน ดันเป้าส่งออกปีนี้แตะ 120 ล้านบาท เผยโรงงานแห่งใหม่เสร็จจะเพิ่มกำลังการผลิตเต็มที่ทั้งปีอีกกว่า 30%
นายธานินทร์ ตันประวัติ กรรมการผู้จัดการ บมจ.แอร์โรว์ซินดิเคท หรือ ARROW กล่าวว่า จากผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1/2557 ที่ผ่านมา ทั้ง ARROW และบริษัทย่อย มีกำไรแล้วกว่า 35.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิกว่า 32.23 ล้านบาท หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 11.26% ซึ่งมาจากการที่ ARROW และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้น 214.86 ล้านบาทในงวดเดียวกันกับปีก่อน 247.33 ล้านบาท จากไตรมาสที่ 1/2557 ขณะที่กำไรขั้นต้น เพิ่มขึ้นจาก 59.97 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีก่อน เป็น 64.43 ล้านบาท ในงวดไตรมาสที่ 1/2557 เนื่องจากต้นทุนทางวัตถุดิบที่ราคาปรับตัวลดลง ขณะที่ดอกเบี้ยจ่ายที่ปรับตัวลดลงจาก 1.39 ล้านบาทในเทียบงวดเดียวกันกับปีก่อน เหลือเพียง 0.69 ล้านบาท ในงวดไตรมาสที่ 1/2557 โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ทั้งปีไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท โดยมีอัตราเติบโตที่ 13-15% เทียบกับปีก่อน
“ผลประกอบการไตรมาสที่ 1/2557 ถือว่าเติบโตตามที่คาดไว้ แม้ว่าในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะมีการชะลอตัวลง จากปัญหาการเมืองภายในประเทศ แต่ธุรกิจของบริษัทยังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง จากออเดอร์ที่มีเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ประกอบกับบริษัทปรับนโยบายหันมาแข่งขันทางด้านราคาเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งมีความได้เปรียบในเรื่องปริมาณการผลิตที่มีวัตถุดิบจำนวนมาก เพียงพอต่อความต้องการตามออเดอร์ที่ลูกค้าสั่ง ทำให้ปรับลดราคาขายสินค้าเพื่อเพิ่มยอดรายได้ และยังมีในส่วนของยอดผลิตสินค้า OEM ให้แก่บริษัทต่างๆ อีกจำนวนมาก"
อย่างไรก็ดี ในปีนี้บริษัทฯ ได้หันมาเน้นจำหน่ายท่อลมในระบบปรับอากาศภายในอาคารเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มกลุ่มสินค้าประเภทท่อร้อยสายไฟภายในอาคารและใต้ดิน เพื่อขายให้แก่กลุ่มลูกค้าโครงการต่างๆ ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น ขณะที่ความต้องการงานท่อเหล็กร้อยสายไฟฟ้าภายในประเทศคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทตั้งเป้าปีนี้จะมีส่วนแบ่งการตลาดในสินค่าประเภทนี้เพิ่มขึ้นให้ได้ถึง 50% จากปีที่แล้วที่ประเมินว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 45%
ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้ปรับสัดส่วนการค้าในต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าส่งออกปีนี้ประมาณ 120 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนส่งออก 12% เทียบจากสัดส่วนส่งออกของปี 2556 ที่มีรายได้จากการส่งออกอยู่ที่ 60 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนการส่งออก 7.33% อย่างไรก็ดี ในส่วนของโรงงานแห่งใหม่ที่กำลังก่อสร้างซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายเดือนพฤษภาคมนี้ และสามารถเริ่มเดินสายพานการผลิตได้ในเดือนมิถุนายนที่จะถึง ซึ่งในช่วงแรกคาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตได้ไม่ต่ำกว่า 12-15% เนื่องจากมีการนำเครื่องจักรมาติดตั้งเพียงบางส่วน และไม่ได้ผลิตเต็มเวลา แต่ภายในสิ้นปีเมื่อบริษัทติดตั้งเครื่องจักรครบทั้งหมด และเดินเครื่องจักรการผลิตเต็มเวลา คาดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ถึง 30%
