SCG เผยตลาดปูนซีเมนต์ครึ่งปีแรกโต 2% คาดครึ่งปีหลังผลจากภาคก่อสร้างชะลอตัวฉุดตลาดปูนโตติดลบ 2% ทั้งปีทำได้แค่ทรงตัว ด้านปูนตราเสือทุ่ม 100 ล้านบาท ปรับโฉมโลโก้ใหม่ ชู “เสือ มอร์ตาร์” เป็นหัวหอกรุกตลาด ล่าสุดเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา “ดวล” ตั้งเป้ายอดขายปี 2557 โต 1-2% จาก 15,000 ล้านบาท
นางอัญชลี ชวนะลิขิกร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดซีเมนต์ บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดปูนซีเมนต์ในปี 2557 ในช่วงครึ่งปีแรกเติบโตประมาณ 2% เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากงานก่อสร้างที่ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ ส่วนในครึ่งปีหลังคาดว่าตลาดจะติดลบประมาณ 2% เนื่องจากผลกระทบที่เกิดจากปัญหาการเมือง และภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งภาพรวมทั้งปีคาดว่าตลาดปูนซีเมนต์จะทรงตัว
ปัจจุบัน ตลาดรวมปูนซีเมนต์มีกำลังการผลิตทั่วประเทศประมาณ 53-56 ล้านตันต่อปี ในจำนวนนี้เป็นการบริโภคภายในประเทศกว่า 30 ล้านตัน/ปี ที่เหลือเป็นการส่งออก ซึ่ง SCG มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 35% โดยตลาดส่งออกหลักของ SCG ได้แก่ ประเทศพม่า, ลาว และกัมพูชา เนื่องจากปูนเป็นสินค้าที่มีน้ำหนักมาก จึงสามารถส่งออกได้ในระยะทางใกล้ๆ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา SCG ได้ปรับกลยุทธ์ด้วยการเข้าไปลงทุนสร้างฐานการผลิตในหลายประเทศ เช่น อินโดนีเซีย และพม่า ปัจจุบัน อยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จและเดินกำลังการผลิตได้ในปี 2560 นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตในกัมพูชา ซึ่งปัจจุบันมีกำลังการผลิตประมาณ 1 ล้านตัน/ปี ส่วนที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว หรือ สปป.ลาว ปัจจุบันได้เจรจาผู้ร่วมทุนแล้ว คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในเร็วๆ นี้
นางอัญชลี กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินหน้าโครงการระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในกรอบวงเงินงบประมาณ 2.4 ล้านล้านบาท ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะการลงทุนในระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานเป็นการสร้างความมั่งคั่งให้แก่ประเทศในอนาคต ทั้งยังเป็นการพัฒนาประเทศเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอีกด้วย นอกจากนี้ การลงทุนของภาครัฐเป็นการใส่เงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจย่อมส่งผลดีต่อทุกภาคส่วน
นางอัญชลี กล่าวว่า สำหรับทิศทางการตลาดครึ่งปีหลัง 57 ของ ตราเสือ จะเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งให้แบรนด์ โดยเริ่มจากการปรับภาพลักษณ์ของโลโก้ และแพกเกจจิ้งใหม่ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ตราเสือ ยังมีการจัดกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ตามการใช้งาน เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการสื่อสารจุดแข็งของแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์ ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ กลุ่มปูนซีเมนต์ผสม และปูนซีเมนต์สำหรับงานฉาบเฉพาะ “เสือ ซีเมนต์” กลุ่มปูนซีเมนต์สำเร็จรูป “เสือ มอร์ตาร์” กลุ่มปูนซีเมนต์ตกแต่งโชว์พื้นผิว “เสือ เดคอร์” และกลุ่ม “เสือ สินค้าประกอบอื่นๆ” เช่น เสือ กาวซีเมนต์ เสือ วัสดุผสมปูนซีเมนต์ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มงานบริการ ได้แก่ เสือ มอร์ตาร์ บริการพ่นฉาบ และระบบผนังนวัตกรรม WALLi-T (Wall innovation by Tiger Mortar) ที่สามารถทำงานได้เร็วกว่าการก่อผนังทั่วไปถึง 50% ขณะที่ราคาสูงกว่า 20% โดย “เสือ มอร์ตาร์” ถือเป็นเรือธง (Flag Ship) ที่สำคัญในการทำตลาด โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าในจังหวัดใหญ่ๆ เช่น กรุงเทพฯ และชลบุรี
ด้านนายเรวัต สุริยาภณานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามมอร์ตาร์ จำกัด บริษัทในเครือ SCG ผู้ผลิตและจำหน่าย “ปูนตราเสือ” กล่าวว่า จากผลกระทบด้านการเมือง และเศรษฐกิจ คาดว่าจะทำให้ตราเสือโตประมาณ 1-2% จากปี 56 ที่มียอดขาย 15,000 ล้านบาท โดยปัจุบันมีกำลังการผลิตรวม 4.5-5 ล้านตัน ซึ่งเสือ มอร์ตาร์ ได้รับความนิยมสูงสุดโดยมีสัดส่วนการผลิต 30% ที่ผ่านมา เสือมอร์ตาร์ เติบโตปีละกว่า 20% ในทุกปี และสามารถเข้าไปทดแทนตลาดปูนซีเมนต์ผสมประมาณ 8-10%
ล่าสุด ได้ทุ่มงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท เปิดแคมเปญการตลาดเจาะกลุ่มเป้าหมายผู้รับเหมา ช่างปูน และเจ้าของบ้าน ประเดิมด้วยการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ “ดวล” เน้นสร้างการจดจำคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ผ่านตัวละครช่างปูน “พี่เสือปูนไว” ที่หนุ่มขึ้น เก่งขึ้น และทำงานไวมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้รับเหมา ช่างปูนที่ต้องการให้งานเสร็จไวมีงานต่อเนื่อง ซึ่งจากการเปิดแคมเปญดังกล่าว บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์ “เสือ มอร์ตาร์” ไว้ที่ 1.7 ล้านตัน เติบโตจากปีที่ผ่านมา 15%