“ทีเอ็มบี” ประกาศกำไรไตรมาส 2 ปี 2557 จำนวน 2,575 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก ระบุรายได้ทั้งจากดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมยังเติบโตได้ดี และรายการพิเศษจากการแก้ไขหนี้ที่มีปัญหาสำเร็จ
ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (ทีเอ็มบี)แจ้งผลประกอบการงวดไตรมาสที่ 2 ปี 2557 ว่า ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ จำนวน 2,575 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 1,602 ล้านบาท ในไตรมาสที่แล้ว โดยธนาคารมีรายได้จากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น ทั้งรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่เพิ่มขึ้น 4% เนื่องจากธนาคารขยายสินเชื่อได้มากขึ้น และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 14% จากไตรมาสที่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการขยายตัวของค่าธรรมเนียมจากการขายแบงก์แอสชัวรันส์ และการขายกองทุน กอปรกับรายได้ค่าธรรมเนียมจากการให้สินเชื่อที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายในไตรมาสนี้ลดลงเล็กน้อย เป็นผลให้กำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนสำรองของธนาคารปรับตัวดีขึ้นเป็น 3,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบ กับ 3,169 ล้านบาทในไตรมาสที่แล้ว
ด้านสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญของธนาคารฯ มีจำนวน 309 ล้านบาท ในไตรมาสนี้ ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับ 1,161 ล้านบาทในไตรมาสที่แล้ว เนื่องจากธนาคารมีรายการพิเศษ (one-time item) จากการโอนกลับ (write back) สำรองฯ ส่วนเกินซึ่งเป็นผลจากการขายและติดตามสินเชื่อมีปัญหา ทำให้กำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2/2557 มีจำนวน 2,575 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 61% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/2557 และกำไรงวด 6 เดือนแรกของปี 2557 มีจำนวน 4,177 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 2,068 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีที่แล้ว
โดยในไตรมาส 2/2557 ขายสินเชื่อด้อยคุณภาพที่มีอยู่แต่เดิมออกไปเป็น จำนวน 3.3 พันล้านบาท และยังได้รับเงินสดจากรายได้จากการปรับโครงสร้างหนีที่รับรู้ในไตรมาส 4 ปี 56 อีกจำนวนหนึ่ง ส่งผลให้มีการโอนกลับเงินสำรองส่วนเกินทั้งสิ้น 862 ล้านบาท ซึ่งเมื่อหักจำนวนดังกล่าวออกจากการตั้งสำรองจากการดำเนินงานปกติ ธนาคารจึงมีการตั้งสำรองลดลงในไตรมาสนี้ และส่งผลให้มีกำไรสุทธิเติบโตถึงร้อยละ 60.8 จากไตรมาสก่อน
ขณะที่สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ของธนาคารและบริษัทย่อยลดลงประมาณ 2,500 ล้านบาทจากไตรมาสที่แล้ว มาอยู่ที่ 20,778 ล้านบาทในไตรมาสที่ 2/2557 ทำให้สัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) ลดลงมาอยู่ที่ 3.40% จาก 3.85% ขณะที่สัดส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเป็น 143% จาก 138% เมื่อไตรมาสที่แล้ว
ส่วนปริมาณเงินฝากของธนาคารยังคงเพิ่มขึ้นได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสที่ 2/2557 นี้ ขยายตัวได้ประมาณ 14,400 ล้านบาทหรือ 2.6% จากไตรมาสที่ 1 และขยายตัว 8.2% ในงวด 6 เดือนแรกของปี โดยเงินฝากที่เพิ่มขึ้นมาจากทั้งเงินฝากลูกค้ารายย่อยในผลิตภัณฑ์เงินฝากที่เป็นจุดเด่นของธนาคาร คือ เงินฝากไม่ประจำ (No fixed) เงินฝาก ME และเงินฝากเพื่อธุรกรรมทางการเงิน (Transactional Banking Account) ซึ่งธนาคารได้ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สินเชื่อในไตรมาสที่ 2/2557 ขยายตัว 8,800 ล้านบาท หรือ 1.8% และเพิ่มขึ้น 2% ในงวด 6 เดือนแรกของปี เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ และขนาดกลาง
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารทีเอ็มบี กล่าวว่า “ธนาคารมีผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ โดยสามารถเพิ่มรายได้และควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี และยังสามารถขยายฐานลูกค้าเงินฝากธุรกรรมทางการเงินอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ธนาคารยังคงดำรงสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีระดับความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) ภายใต้เกณฑ์ Basel III อยู่ที่ 15.4% โดยเป็นกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) ในสัดส่วน 10.7 % ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งกำหนดไว้ที่ 8.5% และ 6.0% ตามลำดับ”
“ในครึ่งปีหลังนี้คาดว่าสินเชื่อน่าจะเติบโตได้ดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก และขณะเดียวกัน ธนาคารก็ยังคงมุ่งเน้นการเพิ่มรายได้โดยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบสนองความต้องการลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการเพิ่มประสิทธิของการดำเนินงานเพื่อให้ธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นต่อไป”