กำไรแบงก์ไตรมาสแรกทรง-ทรุด ตามภาวะเศรษฐกิจ และสินเชื่อที่ชะลอตัว พร้อมกันสำรองเพิ่มรับความผันผวน “ไทยพาณิชย์” ประกาศกำไร 1.3 หมื่นล้าน ทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ “ทหารไทย” กำไร 1.6 พันล้าน ลดลง 12%
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB)แจ้งกำไรสุทธิไตรมาส 1/2557 ที่ 13,129 ล้านบาท อยู่ในระดับเดียวกันกับไตรมาส 1/2556 และเพิ่มขึ้น 11.7% จากไตรมาส 4/2556 แม้ว่าสภาวะทางเศรษฐกิจโดยรวมมีการชะลอตัว ธนาคารสามารถแสดงการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องในรายได้หลัก อันได้แก่ รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิ ค่าธรรมเนียมบริการ และรายได้จากการรับประกันภัย ในขณะเดียวกัน ธนาคารสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้เป็นอย่างดีเป็นไปตามกลยุทธ์ที่กำหนด
โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ เพิ่มขึ้น 12.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของสินเชื่อ 8.8% ในไตรมาส 1/2557 แม้ว่าอัตราการเติบโตของสินเชื่อจะค่อนข้างทรงตัว ธนาคารประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในการบริหารต้นทุนด้านเงินฝากซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ที่กำหนดไว้ ส่งผลให้ต้นทุนด้านเงินฝากลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย โดยรวมลดลง 6.5% จากช่วงเดียวกันของปี 2556 อันเป็นผลจากการลดลงของรายได้เงินปันผลซึ่งปรับตัวลดลงอย่างมาก
ด้านคุณภาพของสินทรัพย์ ด้วยการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง ธนาคารได้ตั้งสำรองเพิ่มเติมในไตรมาสแรกของปีนี้ จำนวน 3,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจในอนาคต ขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) เพิ่มขึ้นจาก 2.06% ในไตรมาสที่ 1/2556 เป็น 2.11% และทรงตัวอยู่ในระดับนี้ตั้งแต่สิ้นปี 2556
นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหารกล่าวว่า ผลสำเร็จที่ดีนี้สะท้อนถึงของความสามารถของธนาคาร ความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับตลาด และตอบสนองต่อความคาดหวังของลูกค้า อันเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพในการทำธุรกิจอย่างครบวงจรของกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ รวมถึงประสิทธิผลจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
TMB เผยช่วงที่เหลือยังต้องระวัง
ธนาคารทหารไทย จากัด (มหาชน) (TMB)ประกาศผลประกอบการงวดไตรมาสที่ 1 ปี 2557 มีผลกำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนสำรอง จำนวน 3,159 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,602 ล้านบาท ลดลง 12% จากไตรมาส 1 ของปีที่แล้ว ขณะที่สัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio) ลดลงเล็กน้อยจาก 3.87% เหลือ 3.85% และสัดส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ยังคงแข็งแกร่งที่ 138%
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1 นี้ ธนาคารดำเนินงานด้วยความรอบคอบระมัดระวังในสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะการขยายสินเชื่อเป็นไปด้วยความระมัดระวังมากขึ้น ทำให้สินเชื่อขยายตัวเพียงเล็กน้อยในไตรมาสนี้เพียง 1,200 ล้านบาท หรือ 0.3% จากสิ้นเดือนธันวาคม 2556 ในขณะที่ปริมาณเงินฝากยังคงเพิ่มขึ้นได้ดีประมาณ 29,000 ล้านบาท หรือ 5.5% ทั้งนี้ จากการเติบโตของสินเชื่อที่น้อย และเมื่อประกอบการลดดอกเบี้ยในตลาด ทำให้ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย (Net Interest Margin) ลดลงเป็น 2.87% จาก 2.95% จากไตรมาส 1 ปีที่แล้ว แต่รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิ (Net Interest Income) ยังเพิ่มขึ้น 6%
ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาสนี้ลดลง 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีที่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการลดลงของค่าธรรมเนียมจากการขายกองทุนเนื่องจากภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย และการลดลงของค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับสินเชื่อเนื่องจากธนาคารชะลอการปล่อยสินเชื่อแก่ลูกค้าใหม่
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารทีเอ็มบี กล่าวว่า ในปี 2557 นี้ธนาคารให้ความสำคัญต่อการเติบโตอย่างมีคุณภาพ และความมั่นคงของธนาคารเป็นหลัก โดยยังคงมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าเงินฝากธุรกรรมทางการเงินอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ธนาคารได้ปรับเป้าหมายของการขยายสินเชื่อลงเหลือประมาณ 6-8% และพยายามรักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับดี โดยในไตรมาสที่เหลือของปี ธนาคารจะยังคงดำเนินงานอย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม ธนาคารมีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาด เพื่อสร้างบริการที่มีคุณค่าให้แก่ลูกค้า และยังคงมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินงานเพื่อให้ธนาคารมีผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นที่ยั่งยืน