แบงก์ทยอยประกาศผลการดำเนินงานปี 56 กำไรเติบโตต่อเนื่อง “ไทยพาณิชย์-กสิกรไทย” กำไรโต 28%, 17.20% ตามลำดับ จากทั้งรายได้ดอกเบี้ย-มิใช่ดอกเบี้ยที่เติบโตต่อเนื่อง ส่วนทีเอ็มบีกำไร 5.7 พันล้าน เพิ่มขึ้น 355% ผลจากการปรับปรุบบัญชีของปีก่อน ขณะที่กำไรจากผลการดำเนินงานโต 39%
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ประกาศผลประกอบการปี 2556 กำไรสุทธิ จำนวน 50,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากปี 2555 ปัจจัยหลักขับเคลื่อนกำไรสุทธิที่ดีนี้มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ย การเติบโตที่แข็งแกร่งของค่าธรรมเนียมรับ รายได้สุทธิจากการรับประกันภัย และรายได้อื่นๆ ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย สำหรับไตรมาสที่ 4/2556 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 11,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 26.3%
ทั้งนี้ รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ เพิ่มขึ้น 17.6% เป็น 73,000 ล้านบาท จากการขยายตัวของสินเชื่อที่เติบโต 12.1% จากปีก่อน การเพิ่มขึ้นอย่างมากของอัตราผลตอบแทนจากสินเชื่อ และการเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์สภาพคล่อง ในขณะที่ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นตามปริมาณเงินฝากที่เติบโต 12.9% จากปีก่อน ขณะที่รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้น 23.6% เป็น 51,000 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมและรายได้จากการรับประกันภัย 16.4% รายได้จากเงินปันผลและรายได้จากการลงทุนเพิ่มในระดับสูง และรายได้จากการปริวรรรตและค้าเงินตราต่างประเทศเพิ่มขึ้นถึง 20.9%
นอกจากนี้ ในปี 2556 ธนาคารได้ทำการตั้งสำรองในระดับสูงเป็นจำนวนรวม 13,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,200 ล้านบาท หรือ 45.2 % เมื่อเทียบกับปี 2555 ที่ 9,400 ล้านบาท และสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคาร (NPL) ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2556 คงที่ อยู่ที่ระดับ 2.14% โดยอัตราสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นจาก 144.8% ณ สิ้นปี 2555 เป็น 150.8% ณ สิ้นปี 2556
นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร กล่าวว่า ก้าวต่อไปในปี 2557 ซึ่งเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอตัวจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และจากสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศ ด้วยสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยังมีความผันผวนอยู่เช่นนี้ ธนาคารจึงต้องมีการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจอย่างรวดเร็วเพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น
นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า ในปีนี้ธนาคารจะมุ่งเน้นในกลยุทธ์หลัก 4 ด้าน ได้แก่ การลดต้นทุนด้านเงินฝากให้สอดคล้องกับสภาวะการแข่งขันของตลาด การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้เหมาะสม การเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมและรายได้จากการรับประกันภัย และการเพิ่มศักยภาพของพนักงานโดยเฉพาะในส่วนที่มีการติดต่อกับลูกค้า
กสิกรฯ กำไรโต 17.20%
นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทย ประกาศผลการดำเนินงานสำหรับปี 2556 โดยธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ จำนวน 41,325 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน 6,065 ล้านบาท หรือ 17.20% โดยเป็นกำไรจากการดำเนินงานก่อนภาษีเงินได้ จำนวน 56,303 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน 7,322 ล้านบาท หรือ 14.95% ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ จำนวน 9,216 ล้านบาท หรือ 14.50% โดยมี NIM อยู่ที่ระดับ 3.55% รวมถึงรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น จำนวน 7,429 ล้านบาท หรือ 18.24% ขณะที่ NPL อยู่ที่ระดับ 2.11% ซึ่งปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 2.16%
นอกจากนี้ ธนาคารได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับความเสี่ยงเชิงระบบที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเศรษฐกิจขาลง และความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ส่งผลให้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 อยู่ที่ระดับ 134.52% ขณะที่สิ้นปี 2555 อยู่ที่ระดับ 131.83% นอกจากนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย ตามหลักเกณฑ์ BASEL III อยู่ที่ 15.78% โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 12.57%
ทีเอ็มบีกำไรต่อโตเนื่อง
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)(ทีเอ็มบี) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของธนาคารในปี 56 ธนาคารมีผลกำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนสำรอง จำนวน 14,409 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 39% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 5,737 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 355 จากรอบปีก่อน (งบการเงินปี 2555 ได้รับการ restate เพื่อเปรียบเทียบผลจากการคำนวณภาษีในปี 2556)
โดยในส่วนของเงินฝากเติบโตประมาณ 33,500 ล้านบาท หรือ 7% จากสิ้นปีก่อนหน้า และฐานเงินฝากของลูกค้ารายย่อยเพิ่มขึ้นเป็น 69% ซึ่งการเติบโตนี้ทำให้ธนาคารมีฐานเงินฝากที่มั่นคงยิ่งขึ้น และในส่วนของสินเชื่อ ธนาคารสามารถขยายสินเชื่อได้ประมาณ 46,800 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ จากเงินให้สินเชื่อธุรกิจขนาดเล็กมีอัตราการขยายตัวมากที่สุด ทำให้ผลตอบแทนของสินเชื่อรวมดีขึ้น ซึ่งเมื่อประกอบกับการบริหารต้นทุนทางการเงินที่ดี ทำให้ NIM เพิ่มขึ้นเป็น 3.12% จาก 2.73% ในปีก่อนหน้า ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 22% ในขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเพิ่มขึ้น 19% ทำให้ธนาคารมีรายได้จากการดำเนินงานรวมเพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 18% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเพียง 9% ส่งผลให้ธนาคารมีผลกำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนสำรองเพิ่มขึ้น 39%
ด้าน NPL มีจำนวนค่อนข้างคงที่เทียบกับเมื่อสิ้นปีที่แล้ว โดยลดลงมาอยู่ที่ 3.58% อย่างไรก็ตามธนาคารได้ตั้งสำรองทั่วไปเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 อีก 800 ล้านบาท เพื่อรองรับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ทำให้สำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารและบริษัทย่อย ณ สิ้นปี 2556 เพิ่มขึ้นเป็น 140% จาก 113% ณ สิ้นปีก่อนหน้า
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ประกาศผลประกอบการปี 2556 กำไรสุทธิ จำนวน 50,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากปี 2555 ปัจจัยหลักขับเคลื่อนกำไรสุทธิที่ดีนี้มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ย การเติบโตที่แข็งแกร่งของค่าธรรมเนียมรับ รายได้สุทธิจากการรับประกันภัย และรายได้อื่นๆ ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย สำหรับไตรมาสที่ 4/2556 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 11,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 26.3%
ทั้งนี้ รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ เพิ่มขึ้น 17.6% เป็น 73,000 ล้านบาท จากการขยายตัวของสินเชื่อที่เติบโต 12.1% จากปีก่อน การเพิ่มขึ้นอย่างมากของอัตราผลตอบแทนจากสินเชื่อ และการเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์สภาพคล่อง ในขณะที่ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นตามปริมาณเงินฝากที่เติบโต 12.9% จากปีก่อน ขณะที่รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้น 23.6% เป็น 51,000 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมและรายได้จากการรับประกันภัย 16.4% รายได้จากเงินปันผลและรายได้จากการลงทุนเพิ่มในระดับสูง และรายได้จากการปริวรรรตและค้าเงินตราต่างประเทศเพิ่มขึ้นถึง 20.9%
นอกจากนี้ ในปี 2556 ธนาคารได้ทำการตั้งสำรองในระดับสูงเป็นจำนวนรวม 13,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,200 ล้านบาท หรือ 45.2 % เมื่อเทียบกับปี 2555 ที่ 9,400 ล้านบาท และสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคาร (NPL) ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2556 คงที่ อยู่ที่ระดับ 2.14% โดยอัตราสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นจาก 144.8% ณ สิ้นปี 2555 เป็น 150.8% ณ สิ้นปี 2556
นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร กล่าวว่า ก้าวต่อไปในปี 2557 ซึ่งเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอตัวจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และจากสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศ ด้วยสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยังมีความผันผวนอยู่เช่นนี้ ธนาคารจึงต้องมีการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจอย่างรวดเร็วเพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น
นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า ในปีนี้ธนาคารจะมุ่งเน้นในกลยุทธ์หลัก 4 ด้าน ได้แก่ การลดต้นทุนด้านเงินฝากให้สอดคล้องกับสภาวะการแข่งขันของตลาด การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้เหมาะสม การเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมและรายได้จากการรับประกันภัย และการเพิ่มศักยภาพของพนักงานโดยเฉพาะในส่วนที่มีการติดต่อกับลูกค้า
กสิกรฯ กำไรโต 17.20%
นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทย ประกาศผลการดำเนินงานสำหรับปี 2556 โดยธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ จำนวน 41,325 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน 6,065 ล้านบาท หรือ 17.20% โดยเป็นกำไรจากการดำเนินงานก่อนภาษีเงินได้ จำนวน 56,303 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน 7,322 ล้านบาท หรือ 14.95% ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ จำนวน 9,216 ล้านบาท หรือ 14.50% โดยมี NIM อยู่ที่ระดับ 3.55% รวมถึงรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น จำนวน 7,429 ล้านบาท หรือ 18.24% ขณะที่ NPL อยู่ที่ระดับ 2.11% ซึ่งปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 2.16%
นอกจากนี้ ธนาคารได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับความเสี่ยงเชิงระบบที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเศรษฐกิจขาลง และความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ส่งผลให้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 อยู่ที่ระดับ 134.52% ขณะที่สิ้นปี 2555 อยู่ที่ระดับ 131.83% นอกจากนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย ตามหลักเกณฑ์ BASEL III อยู่ที่ 15.78% โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 12.57%
ทีเอ็มบีกำไรต่อโตเนื่อง
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)(ทีเอ็มบี) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของธนาคารในปี 56 ธนาคารมีผลกำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนสำรอง จำนวน 14,409 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 39% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 5,737 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 355 จากรอบปีก่อน (งบการเงินปี 2555 ได้รับการ restate เพื่อเปรียบเทียบผลจากการคำนวณภาษีในปี 2556)
โดยในส่วนของเงินฝากเติบโตประมาณ 33,500 ล้านบาท หรือ 7% จากสิ้นปีก่อนหน้า และฐานเงินฝากของลูกค้ารายย่อยเพิ่มขึ้นเป็น 69% ซึ่งการเติบโตนี้ทำให้ธนาคารมีฐานเงินฝากที่มั่นคงยิ่งขึ้น และในส่วนของสินเชื่อ ธนาคารสามารถขยายสินเชื่อได้ประมาณ 46,800 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ จากเงินให้สินเชื่อธุรกิจขนาดเล็กมีอัตราการขยายตัวมากที่สุด ทำให้ผลตอบแทนของสินเชื่อรวมดีขึ้น ซึ่งเมื่อประกอบกับการบริหารต้นทุนทางการเงินที่ดี ทำให้ NIM เพิ่มขึ้นเป็น 3.12% จาก 2.73% ในปีก่อนหน้า ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 22% ในขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเพิ่มขึ้น 19% ทำให้ธนาคารมีรายได้จากการดำเนินงานรวมเพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 18% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเพียง 9% ส่งผลให้ธนาคารมีผลกำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนสำรองเพิ่มขึ้น 39%
ด้าน NPL มีจำนวนค่อนข้างคงที่เทียบกับเมื่อสิ้นปีที่แล้ว โดยลดลงมาอยู่ที่ 3.58% อย่างไรก็ตามธนาคารได้ตั้งสำรองทั่วไปเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 อีก 800 ล้านบาท เพื่อรองรับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ทำให้สำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารและบริษัทย่อย ณ สิ้นปี 2556 เพิ่มขึ้นเป็น 140% จาก 113% ณ สิ้นปีก่อนหน้า