บิ๊กลลิล ระบุบ้านแนวราบปี 57 โต 4-5% ส่วนคอนโดฯ ฟื้นยาก สินค้าในตลาดเพียบคาดทั้งปีติดลบกว่า 20% พร้อมวอน คสช. แก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวทั้งระบบ ลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว ให้ย้ายเขตทำงานได้ เผยแผนลงทุนครึ่งปีหลังเปิดบ้านแนวราบ 5-6 โครงการ คาดยอดขายครึ่งปีแรก 1,630 ล้านบาท แบ็กล็อกตุนในมือแล้ว 1,500 ล้านบาท
นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) เปิดเผยถึงภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ว่า ในช่วงเดือนมิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา เริ่มกลับมาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และเห็นชัดเจน ทั้งในแง่ของกำลังซื้อ และยอดขาย ซึ่งนับเป็นการกลับมาคึกคักอีกครั้งในรอบ 9 เดือน ภายหลังจากที่ตลาดชะลอตัวมาตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว โดยเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ประกอบกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีโรดแมปทางด้านเศรษฐกิจชัดเจน เป็นรูปธรรม ส่งผลให้กำลังซื้อ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันมียอดลูกค้าเข้าเยี่ยมชมโครงการเพิ่มขึ้น และส่วนใหญ่จะมีการตัดสินใจซื้อ ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมชมเพียงอย่างเดียวเหมือนช่วงที่ผ่านมา โดยเชื่อมั่นว่าในครึ่งปีหลังนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจและภาพรวมอสังหาริมทรัพย์จะกลับมาฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้น และกลับสู่ภาวะปกติในไตรมาส 4 อย่างแน่นอน ทำให้ผู้ประกอบการทุกคนกลับมาทำตลาดอย่างเต็มที่ พร้อมกลับมาบุกเปิดตัวโครงการอย่างเต็มที่ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2557 นี้
ทั้งนี้ คาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะโครงการบ้านแนวราบ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์จะเติบโตประมาณ 4-5% ส่วนโครงการคอนโดมิเนียม ได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากก่อนหน้าที่จะมีปัญหาการเมืองคอนโดมิเนียมประสบปัญหาสินค้าล้นตลาด ยอดขายชะลอตัวในบางทำเล เมื่อบวกกับปัญหาการเมืองทำให้ตลาดคอนโดฯ ได้รับผลกระทบอย่างมาก และแม้ว่าในปัจจุบันทิศทางตลาดจะเริ่มฟื้นตัว แต่ยังเชื่อว่าตลาดคอนโดฯ ในปีจะยังคงติดลบมากกว่า 20%
แผนการพัฒนาในช่วงครึ่งปีหลัง ลลิล เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่อีก 5-6 โครงการ จากแผนเปิดตัว 6-8 โครงการ ในปี 57 มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท โดยเป็นโครงการแนวราบทั้งหมด ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 2 โครงการ มูลค่า 1,500 ล้านบาท และบริษัทฯ ยังได้ตั้งงบซื้อที่ดินไว้ 800-900 ล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนาโครงการบางส่วนในปีนี้ รวมถึงในปีหน้า
ส่วนผลการดำเนินงานบริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายในปี 2557 ไว้ที่ 3,200 ล้านบาท และเป้ารับรู้รายได้ที่ 2,700 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกคาดว่าจะมียอดขาย 1,630 ล้านบาท โดยเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบเกือบทั้งหมด ขณะที่รายได้เชื่อว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในปีนี้บริษัทฯ ยังคงเป้ารายได้เติบโต 15-16% ปัจจุบันบริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้แบ็กล็อก (ฺBacklog) ประมาณ 1,500 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้เกือบทั้งหมด
สำหรับปัญหาแรงงานต่างด้าวหนีกลับประเทศในช่วงที่ผ่านมา ทำให้งานก่อสร้างในเดือนมิถุนายนล่าช้าออกไปประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งปัจจุบันปัญหาดังกล่าวคลี่คลายลงบ้างแล้ว ชาวต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาทำงานเกือบเป็นปกติ ทำให้คาดว่าทั้งปีนี้งานก่อสร้างจะสามารถส่งมอบได้ตามสัญญา
“คสช.ควรใช้โอกาสนี้ในการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวให้เป็นระเบียบเพื่อลดค่าใช้จ่ายทั้งแรงงานต่างด้าว และผู้ประกอบการ โดยเริ่มตั้งแต่การจดทะเบียนแรงงาน ควรให้แรงงานเสียค่าใช้จ่าย หรือค่าธรรมเนียมที่ถูกลง เพราะถือว่าแรงงานเหล่านี้เข้ามาช่วยงานในประเทศไทย นอกจากนี้ ควรเปลี่ยนกฎข้อห้ามในการย้ายเขตทำงาน หรือย้ายอำเภอ ที่ถือว่าเป็นข้อบังคับที่เข้มงวดมาก แต่ไม่ตรงกับแนวทางปฏิบัติ เพราะธุรกิจอสังหาฯ จะต้องย้ายสถานที่ทำงานหรือสถานที่ก่อสร้าง บางครั้งการย้ายไปทำงานแค่คนละฝั่งถนนที่เป็นคนละอำเภอก็ผิดกฎหมายแล้ว ดังนั้น จะต้องแจ้งย้ายซึ่งมีค่าใช้จ่าย หาก คสช. เข้ามาแก้ปัญหาเหล่านี้ ก็จะทำให้ทั้งผู้ประกอบการ และแรงงานลดค่าใช้จ่ายลงได้ โดยนายจ้างสามารถนำเงินส่วนนี้ไปเป็นสวัสดิการแก่แรงงานต่างด้าวในด้านอื่นๆ นอกเหนือจากการให้ค่าแรงขั้นต่ำ เพื่อให้แรงงานมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น” นายไชยยันต์ กล่าว