xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นรับเหมาพุ่งแรง CK-STEC เด้งรับ คสช.เดินหน้าโครงสร้างพื้นฐาน และเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หุ้นรับเหมาพุ่งแรง รับ คสช.เดินหน้าโครงสร้างพื้นฐาน และเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ โบรกเกอร์เห็นพ้อง CK -STEC โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม แต่เตือนหลายหุ้นราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นรับข่าวแล้ว แนะเก็งกำไรเข้าเก็บเมื่อราคาอ่อนตัว

ในช่วงเวลาที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ คสช. เร่งผลักดันโรดแมปเศรษฐกิจออกมาเรียกความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ โดยเฉพาะโครงการในสังกัดกระทรวงคมนาคม ทั้งโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (เฟส 2) ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 62,503 ล้านบาท เพื่อขยายการรองรับผู้โดยสารเป็น 60 ล้านคนต่อปี และการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง วงเงินลงทุนรวม 10,700 ล้านบาท รองรับผู้โดยสารเป็น 30 ล้านคนต่อปี นั้น เนื่องจากทั้ง 2 โครงการ มีเงินลงทุนเพียงพออยู่แล้วสามารถดำเนินการต่อเนื่องได้ทันที

รวมถึงมีแนวโน้มที่จะเดินหน้างานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานตามแผนแม่บทของกระทรวงคมนาคมต่อไป ทั้งรถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ รวมถึงโครงการที่บรรจุอยู่ในแผนการใช้เงินกู้ตาม พ.ร.บ.การให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน วงเงิน 2 ล้านล้านบาท เช่น รถไฟความเร็วสูง เบื้องต้นเห็นว่าสายเหนือ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และสายตะวันออกเฉียงเหนือ กรุงเทพฯ-หนองคาย มีความสนใจน่าลงทุน แต่ต้องขอเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อพิจารณารายละเอียดแต่ละโครงการ และเรียงลำดับความสำคัญ รวมทั้งตรวจสอบสภาพคล่องทางการเงินของประเทศว่าควรลงทุนรูปแบบไหน อย่างไร

ขณะเดียวกัน แผนการใช้งบประมาณปี 2557 ที่เกิดการชะงักงัน และทำให้โครงการล่าช้าบางส่วนนั้น คสช.จะเร่งผลักดันการใช้งบประมาณโดยเร็ว เชื่อว่าจะสามารถเบิกจ่ายได้ครบภายในไตรมาส 4/57 (ก.ค.-ก.ย.57) โดยสั่งการให้กระทรวงคมนาคมรวบรวมงานเร่งด่วนที่คั่งค้างอยู่เสนอให้ คสช.พิจารณาภายในสัปดาห์หน้า

ส่วนการจัดทำแผนงบประมาณปี 2558 สั่งการให้กระทรวงคมนาคม เตรียมเสนอขอไปยังสำนักงบประมาณแล้ว ยืนยันว่า ภายในเดือนกันยายน 2557 ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 จะเสร็จสิ้นและเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.57 เป็นต้นไป

นักวิเคราะห์หลายสำนักเริ่มประเมินแนวโน้มการลงทุนหุ้นกลุ่มรับเหมา และให้น้ำหนักไปที่หุ้น 2 ตัวที่น่าจับตามอง นั่นคือ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น หรือ STEC และ บมจ.ช.การช่าง หรือ CK ซึ่งราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรง เพราะ ได้รับอานิสงส์จากนโยบาย คสช. ที่มีแผนการเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้ คาดหุ้น STEC ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา (30 เม.ย.-30 พ.ค.57) พุ่งปรู๊ด 18.28% จาก 18.60 บาท มาปิดตลาดที่ 22.00 บาท ขณะที่ราคาหุ้น CK กระฉูด 19.46% ปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 22.10 บาท จากก่อนหน้าที่อยู่ระดับ 18.50 บาท

บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้นกลุ่มก่อสร้างว่า หุ้น STEC และ CK ถือเป็น 2 บริษัทที่ได้อานิสงส์ทั้งเรื่องการเร่งรัดเบิกจ่าย งบประมาณปี57 ให้เรียบร้อยภายในไตรมาส 3/57 และการเดินหน้าโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งคาดว่าภาครัฐจะเริ่มเปิดประมูลโครงการได้ในไตรมาส 3 หรือ 4 ปีนี้ เช่น ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว โครงการสุวรรณภูมิเฟส 2 และโครงการรถไฟรางคู่ เป็นต้น

อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างปรับขึ้นแรงมาก สำหรับนักลงทุนที่ซื้อก่อนหน้านี้แนะนำ “ขายล็อกกำไร” แต่นักลงทุนที่เก็งกำไรสั้น แนะ “รอซื้อเมื่ออ่อนตัว”

สอดคล้องกับ นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส สรุปมาตรการของ คสช. ช่วยผ่อนคลายแรงกดดันต่อตลาดในระยะสั้น โดยมีแรงเก็งกำไรกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มก่อสร้าง และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ สร้าง sentiment เชิงบวกได้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มก่อสร้าง และพัฒนาที่ดิน คาดว่าจะเริ่มเห็นการประมูลโครงการใหม่ๆ ได้อย่างเร็วในช่วงปลายปี 2557 เนื่องจากก่อนหน้านี้ โครงการลงทุนไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้ากรุงเทพฯ-ปริมณฑล และรถไฟรางคู่ ได้ถูกรวมอยู่ในโครงการ 2 ล้านล้านบาท ซึ่ง ร่าง พ.ร.บ.กู้เงินฯ ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ หากจะกลับมาดำเนินโครงการใหม่ต้องกลับไปทำภายใต้กฎหมายงบประมาณ โดยจะต้องบรรจุไว้ในงบประมาณรายจ่ายปี 2558 ซึ่งเริ่มต้นใช้ 1 ต.ค.2557 เป็นต้นไป อีกทั้งยังอาจต้องรอการเข้ามาบริหารงานของรัฐบาลใหม่ที่น่าจะได้รับการแต่งตั้งขึ้นมาในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับการที่งบประมาณปี 2558 มีผลบังคับใช้

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ากระแสการเก็งกำไรในหุ้นรับเหมาก่อสร้างยังจะมีต่อไป โดยปัจจุบันพบว่าราคาหุ้นหลายบริษัทได้ปรับขึ้นมาอยู่เหนือ Fair Value ของฝ่ายวิจัยแล้ว แต่ยังคงหาตัวเลือกลงทุนที่น่าสนใจได้ ซึ่งโดดเด่นที่สุดในช่วงเวลานี้ ได้แก่ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO ที่คาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้อีก 21.57%, บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ STPI ที่คาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้อีก 27.05% และบริษัท ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SYNTEC ที่คาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้อีก 12.21%

ขณะที่บทวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ได้วิเคราะห์ผลประกอบการไตรมาสแรก ปี 2557 ว่า มีบริษัทใดบ้าง และอุตสาหกรรมใดที่มีทิศทางดี เพื่อให้บรรดานักลงทุนได้ตัดสินใจอย่างเหมาะสม ปรากฏว่าหุ้นกลุ่มที่ “ดีเกินคาด” คือ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง สื่อสาร เดินเรือ และโรงไฟฟ้า ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) CK, บริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TTCL
กำลังโหลดความคิดเห็น