“ประจิน” ยันเดินหน้างานคมนาคมที่ไม่ติดปัญหาเรื่องงบประมาณ สิ่งแวดล้อม และข้อกฎหมาย เน้นโครงสร้างพื้นฐานรองรับการเดินทาง ขนส่งสินค้า สะดวก รวดเร็ว ส่วนรถไฟความเร็วสูงขอเวลา 2 สัปดาห์ศึกษารายละเอียดก่อน ย้ำต้องดูมีข้อขัดข้องตรงไหนต้องแก้ไขให้ได้ก่อนหนุนเดินหน้าสุวรรณภูมิเฟส 2 และขยายดอนเมือง จ่อรื้อบอร์ดรัฐวิสาหกิจ เรียกประชุม 31 พ.ค.นี้ก่อนตัดสินใจ
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ในฐานะรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดูแลงานด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและให้นโยบายแนวทางการดำเนินการของกระทรวงคมนาคมวันนี้ (28 พ.ค.) ว่า ภาพรวมยุทธศาสตร์ของกระทรวงคมนาคมนั้นสอดคล้องกับแนวทางของ คสช. ซึ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ซึ่งเป็นจุดแข็งทางภูมิศาสตร์ของประเทศ ให้สามารถรองรับการเดินทาง และการขนส่งสินค้า ให้มีความสะดวกรวดเร็วและสร้างจุดเชื่อมต่อที่สะดวกกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน
โดยโครงการเร่งด่วนของกระทรวงคมนาคมซึ่งพบว่าที่ผ่านมาการดำเนินงานมีความล่าช้าเนื่องจากติดขัดในเรื่องงบประมาณ หรืออยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดนั้นจะเดินหน้าต่อ โดยจะสรุปปัญหาอุปสรรคนำเสนอหัวหน้า คสช.พิจารณาในสัปดาห์หน้า เพื่อขออนุมัติการดำเนินงานโครงการในสัปดาห์ต่อไป
สำหรับโครงการตามแผนแม่บท เช่น การก่อสร้างโครงสร้างรถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ และโครงการรถไฟความเร็วสูง ซึ่งบรรจุอยู่ในแผนการใช้เงินกู้ตาม พ.ร.บ.การให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน วงเงิน 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาลชุดที่แล้วนั้น โครงการที่มีความพร้อมในเรื่องงบประมาณ และไม่มีปัญหาในข้อกฎหมาย ที่ดิน สิ่งแวดล้อมจะต้องเดินหน้าต่อแน่นอน ส่วนโครงการที่อาจจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมและต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก จะต้องพิจารณาใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ในภาพรวม เช่น รถไฟความเร็วสูง สายเหนือ (กรุงเทพฯ-เชียงใหม่) และสายตะวันออกเฉียงเหนือ (กรุงเทพฯ-หนองคาย) ที่วางแนวเส้นทางไว้แล้ว ต้องพิจารณาว่ามีอะไรเป็นข้อขัดข้องบ้าง ต้องแก้ไขให้เรียบร้อยก่อน โดยขอเวลาพิจารณารายละเอียดแต่ละโครงการประมาณ 2 สัปดาห์
“โครงการไหนที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ ประชาชนได้ประโยชน์ต้องทำก่อนเน้นเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง แต่ต้องยอมรับว่ามีปัจจัยที่เป็นปัญหาอุปสรรคต่อการตัดสินใจด้วย ทั้งการต้องเสนอ ครม.พิจารณา การกู้เงินมาดำเนินการ ส่วนโครงการที่มีงบประมาณหรือมีความพร้อมในเรื่องการลงทุนอยู่แล้วก็สามารถดำเนินการได้ต่อเนื่องทันที เช่น การพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2 เพื่อขยายการรองรับเป็น 60 ล้านคนต่อปี และการขยายท่าอากาศยานดอนเมืองเพื่อรองรับเป็น 30 ล้านคนต่อปี โดย คสช.จะหาทางแก้ปัญหาอุปสรรคเพื่อกระตุ้นให้เดินหน้าได้รวดเร็วขึ้น” พล.อ.อ.ประจินกล่าว
สำหรับมาตรการลดค่าครองชีพ ทั้งรถไฟฟรี รถเมล์ฟรีนั้น ทาง คสช.จะพิจารณาเมื่อกระทรวงคมนาคมนำเสนอไปตามขั้นตอน พร้อมกันนี้ได้กำชับให้เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2557 ที่ยังล่าช้ากว่าแผน โดยกระทรวงคมนาคมยืนยันว่าจะสามารถเบิกจ่ายได้ครบภายในไตรมาส 4 ของปีงบประมาณ 2557 ส่วนงบประมาณปี 2558 ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้เสนอขอไว้มากขึ้นประมาณ 3 เท่านั้น ทางสำนักงบประมาณได้เร่งพิจารณาส่วนจะได้แค่ไหนต้องดูภาพรวมประกอบกันทั้งหมด โดยยืนยันว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 จะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2557 และเริ่มใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการปรับเปลี่ยนผู้บริหารหน่วยงานและคณะกรรมการและผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจกระทรวงคมนาคมนั้น ในส่วนของหน่วยงานคงไม่มีการปรับเปลี่ยน ส่วนรัฐวิสาหกิจ เช่น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) นั้นจะเรียกประชุมในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ ที่สโมสรกองทัพบก เพื่อพิจารณาตัดสินใจอีกครั้ง