กุนซือตลาดหุ้นไทย เผยผลโรดโชว์เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างประเทศในสิงคโปร์และฮ่องกง ฝรั่งแปลกใจเหตุรัฐประหารในประเทศไทยทำให้คนไทยมีความสุขขึ้น ฟันธงซึ่งมองว่าครึ่งปีหลังดัชนีหุ้นไทยจะปรับตัวดีขึ้น และในปีหน้าคาดว่าจะทิศทาง และภาพรวมตลาดหุ้นไทยจะดีกว่าปีนี้
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. กล่าวว่า ในการเดินทางไปโรดโชว์เพื่อส่งเสริมการลงทุน และแสดงวิสัยทัศน์เพื่อสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุนที่ประเทศสิงคโปร์ และฮ่องกง พร้อมกับบริษัทจดทะเบียน 13 บริษัท ซึ่งมีการพบปะเพื่อเจรจาธุรกิจเฉพาะกว่า 137 ครั้ง โดยบริษัทจดทะเบียนที่ได้ร่วมเดินทางในครั้งนี้มีทั้งขนาดกลางและเล็ก ได้รับการตอบรับจากกองทุนต่างประเทศที่เข้าร่วมมากกว่า 65 กองทุน ซึ่งนักลงทุนต่างชาติให้การตอบรับที่ดี โดยเฉพาะประเด็นหลักในเรื่องการทำรัฐประหารในประเทศไทยที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ซึ่งจะส่งผลสะท้อนออกมาว่าจะกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจรวมถึงตลาดทุนมากน้อยแค่ไหน
“นักลงทุนต่างประเทศให้การตอบรับโรดโชว์เป็นอย่างดี แต่จะมีคำถามที่ว่า หลังการรัฐประหารทำไมคนไทยมีความสุขมากกว่าสมัยที่ก่อนจะมีรัฐประหาร และตลาดหุ้นตลอดจนถึงภาพรวมเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น ซึ่งไม่เหมือนกับที่นักลงทุนต่างประเทศเข้าใจ ซึ่งผู้บริหารตลาดหุ้นไทยได้ชี้แจงสถานการณ์ของประเทศไทยหลังรัฐประหารมีทิศทางที่ปรับตัวดีขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ มีความขัดแย้งมานานหลายเดือน แต่หลังจากนี้จะมีความชัดเจนในการบริหารเศรษฐกิจมากขึ้น ทั้งแผนปฏิรูป และกระตุ้นเศรษฐกิจ
ตลอดจนถึงการอนุมัติงบประมาณในโครงการต่างๆ เพื่อการพัฒนาต่อจากที่ค้างอยู่ได้ ส่วนในเรื่องของตลาดทุนนั้น ตลท.ได้ชี้แจงให้เห็นถึงปัจจัยพื้นฐานที่ดี ดัชนีปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีสภาพคล่องที่เสถียรมั่นคงขึ้น ซึ่งนักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่รับรู้ข่าวในประเทศเป็นอย่างดี และยืนยันว่าจะยังไม่มีการขายหุ้นเพิ่ม โดยในระยะยาวถ้าไม่ซื้อเพิ่มก็จะถือต่อไปถึงแม้ว่าปัจจุบันประเทศไทยจะยังไม่มีรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งมองว่าครึ่งปีหลังดัชนีหุ้นไทยจะปรับตัวดีขึ้น และในปีหน้าคาดว่าจะทิศทาง และภาพรวมตลาดหุ้นไทยจะดีกว่าปีนี้”
อย่างไรก็ตาม ตลท.ได้ชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจต่อนักลงทุนต่างประเทศต่อเหตุการณ์รัฐประหารในประเทศไทยว่า โดยรวมประชาชนไทยมีทัศนคติที่ดีขึ้นหลังจากการทำรัฐประหาร ซึ่งจะแตกต่างจากมุมมองของนักลงทุนต่างประเทศ เพราะในช่วงเวลาที่ประเทศมีปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง มีความเสี่ยงจากทั้งในเรื่องของเศรษฐกิจ และการพัฒนาโครงการต่างๆ ที่ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ทั้งนี้ หลังจากที่ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.ได้ทำการยึดอำนาจ ปัญหาต่างๆ ได้คลี่คลายลงไปในทางที่ดีขึ้น ทำให้เศรษฐกิจในประเทศมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้น ทั้งในเรื่องการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และโครงการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ที่จำเป็นต่างๆ ให้ก้าวหน้า ตลอดจนถึงการวางงบประมาณประจำปี และการปฏิรูปการบริหารจัดการในอนาคต
ขณะเดียวกัน ตลท.พยายามที่จะสร้างความเข้าใจให้นักลงทุนต่างประเทศได้ทราบถึงสถานะความแข็งแรงของตลาดทุน และบริษัทจดทะเบียนไทยว่ายังมีความมั่นคง และเผชิญกับเหตุการณ์เลวร้ายมามาก โดยพิจารณาได้จากมูลค่าการซื้อขายของ ตลาดหุ้นไทยในเดือนนี้ที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่กว่า 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อวัน จากมูลค่าการซื้อขายในเดือนที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 1,200 พันล้านเหรียญสหรัฐ และผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 12.9% สูงเป็นอันดับ 3 ของภูมิภาค โดยอันดับ 1 ได้แก่ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เป็นอันดับที่ 2