ตลาดหุ้นไทยชี้นักลงทุนต่างชาติมั่นใจเศรษฐกิจทยอยฟื้น หลังนักลงทุนต่างประเทศขนเงินกลับมาเทรดมากขึ้น เผยตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา เงินไหลกลับเข้ามาแล้วกว่า 7,000 ล้านบาท หลัง คสช.ยึดอำนาจดันยอดเทรดแตะ 50,000 ล้านบาทต่อวัน
นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กรและการเงิน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า มูลค่าการซื้อขายหุ้นไทยที่สูงถึง 50,000 ล้านบาทต่อวัน ตั้งแต่วันที่มีการประกาศกฎอัยการศึก สะท้อนให้เห็นว่า นอกจากต่างชาติจะเชื่อมั่นหุ้นไทยแล้ว นักลงทุนรายย่อยก็ไม่ได้กังวลต่อสถานการณ์ทางการเมือง และดัชนีหุ้นไทยก็ปรับตัวกลับขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,400 จุดได้ ขณะที่สิ้นเดือนพฤษภาคม ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปิดที่ 1,415.73 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 จากสิ้นปี 2556 สูงกว่าประเทศสิงคโปร์ และตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่ โดยมีระดับราคาต่อกำไรสุทธิที่ 13.75 เท่า ยังต่ำกว่าในหลายประเทศ แต่อัตราการจ่ายเงินปันผลยังสูงถึงร้อยละ 3.20 ซึ่งถือว่าตลาดหุ้นไทยยังมีศักยภาพ และมีเสถียรภาพดี สามารถต้านทานต่อปัจจัยที่มีความไม่แน่นอนได้ อย่างไรก็ตาม มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 35,000-36,000 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 40,000 ล้านบาท สาเหตุเพราะในช่วงไตรมาสแรก มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างต่ำจากปัญหาการเมือง
ขณะเดียวกัน นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. กล่าวว่า หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.เข้ามาควบคุมการปกครองให้อยู่ในความสงบ และมีนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทำให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มมีความั่นใจต่อเศรษฐกิจไทยมากขึ้น สะท้อนจากแรงซื้อกลับของผู้ลงทุนต่างชาติที่ซื้อสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย. ที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 11 มิ.ย. 2557 เป็นยอดซื้อสุทธิประมาณ7,000 ล้านบาท ทำให้ล่าสุด ยอดการถือครองหุ้นไทยของต่างชาติอยู่ที่ 4.2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 17 จาก 3.6 ล้านล้านบาท ในเดือนมกราคม 2557 หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของมูลค่าตลาดหลักทรัพย์ แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติต่อตลาดหุ้นไทย โดยมาจากการปรับขึ้นของดัชนีหุ้นไทยร้อยละ 11-12 และการถือครองหุ้นไทยของต่างชาติประมาณร้อยละ 33.7 ใกล้เคียงกับปี 2555 และ 2556 แม้เกิดการยึดอำนาจการปกครองทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังติดตามการทำงานของ คสช. ว่าจะเดินหน้านโยบายต่างๆ ตามแผนโรดแมปที่ประกาศไว้ได้หรือไม่ หากปฏิบัติได้จริงก็จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นไทย