หุ้นภาคเช้าปิดร่วง 20.75 จุด ดัชนีหลุดระดับ 1,400 จุด ไปอยู่ที่ระดับ 1,384.46 จุด “สถิตย์” ยอมรับต่างชาติเทขายช่วงเช้าอีก 3.6 พันล้าน ขณะที่รายย่อยเข้าซื้อ 4 พันล้าน เพราะมีความเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มั่นใจตลาดหุ้นไทยยังแข็งแกร่ง โบรกฯ เผยดัชนีปรับลงแค่ 1% ดีกว่าที่คาดไว้ ประเมินภาคบ่ายอาจร่วงต่อเนื่อง พร้อมให้กรอบ 1,350-1,430 จุด
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (23 พ.ค.) ดัชนีปิดการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,384.46 จุด ลดลง 20.75 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -1.48% มูลค่าการซื้อขาย 29,902.27 ล้านบาท โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 1,389.84 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 1,375.41 จุด
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า หลังตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดซื้อขายในช่วงเช้าที่ผ่านมา มีรายย่อยเข้าซื้อหุ้นมูลค่าราว 4 พันล้านบาท ขณะที่ต่างชาติขายออกราว 3.6 พันล้านบาท แสดงให้เห็นว่านักลงทุนรายย่อยในประเทศมีความเห็นแตกต่างจากนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งมองว่านักลงทุนในประเทศยังมีความเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และยังมีความเชื่อมั่นการลงทุนในตลาดหุ้น โดยมองว่าช่วงนี้เป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุน
นายสถิตย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีความเข้มเข็งแม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะมีการชะลอตัว ซึ่งสถานการณ์ในประเทศเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่ง ซึ่งหากต่างชาติมีความเข้าใจถึงสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เชื่อว่าจะกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง
“การที่ต่างชาติขายสุทธิออกไป เพราะปัจจุบันยังไม่มีความเข้าใจถึงสถานการณ์อย่างถ่องแท้ แต่มองว่าหากต่างชาติมีความเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นลักษณะเฉพาะที่เกิดขึ้นต่อตลาดไทยก็คงจะกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง เพราะตลาดยังมีความน่าสนใจในการลงทุน จะเห็นได้จากที่ผ่านมาหากสถานการณ์ต่างๆ ผ่านไป ตลาดฯ ก็จะกลับมาสู่ที่เดิม”
ขณะที่ปัจจุบัน นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โรดโชว์อยู่ที่ประเทศอังกฤษ ได้ชี้แจงทำความเข้าใจแก่ต่างชาติถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงแรงในช่วงเปิดตลาดได้ไม่นาน และมีการรีบาวนด์ขึ้นมาได้บ้างแม้จะยังอยู่ในแดนลบ ซึ่งมองว่าการเคลื่อนไหวของตลาดฯที่ปรับตัวลงไป 1% กว่า ถือว่าดีกว่าที่คาดไว้ เพราะการทำรัฐประหารจะทำให้นักลงทุนต่างชาติวิตกกังวล และแม้แต่บางประเทศก็ให้ความเห็นเป็นลบพอควร แต่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับมีการเตรียมการไว้
“เช้านี้ตลาดฯ คงจะรับแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ แต่นักลงทุนในประเทศเท่าที่ดูต่างรอซื้อเมื่ออ่อนตัว ดังนั้น ตลาดฯ เช้านี้ถือว่าดีกว่าที่คาดไว้”
จากนี้ไปคงจะต้องติดตามการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะเป็นใครบ้าง และมีแนวทางการบริหารเน้นไปในทางไหน ถ้าไปทางปฏิรูปพร้อมๆ กับการผลักดันเศรษฐกิจไปด้วย ก็จะทำให้ตลาด Re-Act ไปในทางที่ดีได้ เนื่องจากภาคการค้า-การลงทุนคาดหวังให้สามารถเดินหน้าไปได้ นอกจากนี้ ยังต้องรอดูเป้าหมายว่าจะทำอะไร และจะอยู่นานเท่าไร ถึงจะมีรัฐบาลใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ น.ส.อาภาภรณ์ กล่าวว่า ตลาดฯ ยังน่าจะอยู่ในแดนลบอยู่ และยังต้องรอดูตลาดยุโรปเปิดในช่วงบ่ายนี้ว่าจะมีออเดอร์ขายเพิ่มเข้ามาหรือไม่ พร้อมให้แนวรับ 1,370-1,350 จุด ส่วนแนวต้าน 1,390-1,400 ถัดไปก็เป็น 1,420-1,430 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,177.83 ล้านบาท ปิดที่ 186.50 บาท ลดลง 5.00 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,604.57 ล้านบาท ปิดที่ 232.00 บาท ลดลง 4.00 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,215.09 ล้านบาท ปิดที่ 157.00 บาท ลดลง 3.00 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,106.50 ล้านบาท ปิดที่ 184.00 บาท ลดลง 6.00 บาท
BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,080.95 ล้านบาท ปิดที่ 182.50 บาท ลดลง 3.00 บาท