ASTV ผู้จัดการรายวัน “เกศรา”โชว์วิสัยทัศน์ เพิ่มสินตอบทุกโจทย์ ดันตลาดหุ้นขึ้นตลาดชั้นนำในภูมิภาค มั่นใจเป้าหมายปี 57 ทะลุเป้าทุกด้าน ล่าสุดหุ้นไทยปิดบวก 13 จุด ต่างชาติเข้าซื้ออีก 3 พันล้าน โบรกเกอร์มองดัชนีเคลื่อนไหวแดนบวกช่วงมิ.ย.-ก.ค. เชื่อเม็ดเงินนอกไหลกลับ แต่ระวังแรงเทขาย หลังหุ้นขึ้นแรง
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)แถลงหลังเข้ารับตำแหน่งใหม่อย่างเป็นทางการ ถึงแนวทางการพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ไทยให้ก้าวสู่เวทีสากล โดยจะมุ่งเน้น 3 ด้าน คือ ต่อยอด สร้างใหม่ และ ขยายฐาน ด้วยการเพิ่มจำนวนสินค้าในปัจจุบันให้หลากหลาย รวมทั้งสร้างสินค้าและบริการใหม่ตอบโจทย์นักลงทุน พร้อมเปิดตลาดสินค้าโภคภัณฑ์และตราสารหนี้ และขยายฐานผู้ลงทุนระยะยาว ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพ ตลาดทุนให้เป็นที่พึ่งพิงให้กับประเทศ อีกทั้งเพื่อเป็นตลาดชั้นนำในภูมิภาค
ในด้านต่อยอด กรรมการและผู้จัดการ ตลท.คนใหม่ กล่าวว่า ตลท.จะต่อยอดสินค้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยเพิ่มจำนวนบริษัทจดทะเบียนมากขึ้นเพื่อขยายขนาดของตลท.พร้อมเพิ่มความหลากหลายให้มีหุ้นและอนุพันธ์ประเภทใหม่ๆ ทั้งจากต่างประเทศและในประเทศเข้ามา ขณะเดียวกัน จะเดินหน้าสนับสนุนภาคธุรกิจ SMEs ให้ระดมทุนผ่านตลาดหุ้น
นอกจากนี้ ตลท.ยังมุ่งสร้างสินค้าและบริการประเภทใหม่ๆ ให้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น ครอบคลุมทุกฟังชั่นทั้งงานที่บริการแก่ลูกค้าและงานบริการหลังการซื้อขายที่เป็นมาตรฐานระดับตลาดชั้นนำ พร้อมทั้งมีแผนเพิ่มบริการหลังการซื้อขาย(post trade)ให้ครอบคลุมการบริการ
สำหารับการขยายฐาน ตลท.จะเดินหน้าสร้างความรู้ความเข้าใจด้านการลงทุนให้กับผู้ลงทุนและประชาชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลดีต่อประเทศ เนื่องจากประเทศไทยกำลังก้าวสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ (aging society) การที่ประชาชนเตรียมพร้อมก่อนเข้าสู่วัยเกษียณจึงจำเป็นอย่างยิ่ง
“ตลท.พร้อมสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนได้เข้าไปอยู่ในการจัดอันดับระดับโลกเพิ่มขึ้น อาทิ ดัชนีด้านความยั่งยืน DJSI (Dow Jones Sustainability Index) หรือการจัดอันดับด้านบรรษัทภิบาลตามมาตรฐานสากล นอกจากนี้จะพัฒนาให้การเข้าถึงตลาดและการรับข้อมูลสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ลงทุน”
นางเกศรา กล่าวว่า การทำงานช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ยังคงเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ปี 57 ที่มุ่งเพิ่มคุณภาพ บริษัทจดทะเบียน ผู้ลงทุนบุคคล สถาบันตัวกลาง และผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อรองรับกับความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายในและต่างประเทศที่สูงขึ้น พร้อมสร้างความเชื่อมโยงกับภูมิภาค รวมทั้งเดินหน้าพัฒนาประสิทธิภาพระบบโครงสร้างพื้นฐานให้เสร็จสมบูรณ์
โดย ตลท.ยังคงเป้าหมายขยายฐานนักลงทุนหน้าใหม่ที่ 80,000 บัญชี มูลค่าหลักทรัพย์(มาร์เก็ตแคป)จากบริษัทจดทะเบียนใหม่ 2.1 แสนล้านบาท จากช่วง 5 เดือนแรก(สิ้นพ.ค.) มีเพิ่มเข้ามาแล้ว 9.1 หมื่นล้านบาท ขณะที่เป้าหมายปริมาณสัญญาซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ปีนี้ที่ 75,000 สัญญา/วัน แต่ปัจจุบันได้แล้ว 71,000 สัญญา/วัน ซึ่งเชื่อทุกอย่างจะเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
ขณะที่ มาร์เก็ตแคปของตลาดรวมปีนี้ตั้งเป้าที่จะเพิ่มขึ้นแตะ 12 ล้านล้านบาท ปัจจุบันทำได้ตามเป้าหมายแล้ว ส่วนจะมีการปรับตัวเลขหรือไม่ คงต้องนำเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ตลท.พิจารณาก่อน
“ตลท.ยังคงนโยบายที่จะเดินทางไปนำเสนอข้อมูล(โรดโชว์)ให้กับนักลงทุนต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ตั้งเป้าจะจัดโรดโชว์ 7 ครั้ง ซึ่งในช่วงครึ่งแรกจัดไปแล้ว 3 ครั้งที่ยุโรป, สิงคโปร์-ฮ่องกง, สหรัฐฯและแคนนาดา ครึ่งปีหลังจะมีการจัดอีก 4 ครั้ง เริ่มจากสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปยังสิงคโปร์ และฮ่องกง ถัดไปเป็นญี่ปุ่น และย้อนกลับมาที่สิงคโปร์และฮ่องกง”
นางเกศรา กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการหารือกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ทาง คสช.ยังคงให้ตลาดทุนเปิดเสรีให้เงินทุนต่างประเทศเข้า-ออกเหมือนเดิม จะเห็นได้จากการเปิดโรดแมพ 3 ระยะ และ 10 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ตลาดหุ้นบวกขึ้นได้มา ถือ เป็นการตอบรับของทั้งนักลงทุนไทยและต่างประเทศอย่างชัดเจน ขณะเดียวกันจากการเข้าร่วมประชุม 7 องค์กรภาคเอกชนเห็นว่าการดูแลเศรษฐกิจจะเป็นบวกต่อตลาดทุน การออกกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นเครื่องมือหนึ่งในการระดมทุน ภาครัฐก็สามารระดมทุนผ่านกองทุนดังกล่าวได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้เสียงตอบรับเป็นบวก
ด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้ (3มิ.ย.) ดัชนียังเคลื่อนไหวในแดนบวก ปิดที่ 1,454.24 จุด เพิ่มขึ้น 13.30 จุด เปลี่ยนแปลง 0.92% มูลค่าการซื้อขาย 64,950.24 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,458.02 จุด และต่ำสุดที่ 1,445.37 จุด โดยนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 3,086.92 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 19.26 ล้านบาท บริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 684.99 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยเป็นผู้ขายสุทธิ 3,791.17 ล้านบาท
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย สรุปภาพรวมการเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย ดัชนีสามารถทะลุขึ้นไปยืนเหนือ 1,450 จุด ได้ด้วยแรงซื้อกลับจากนักลงทุนต่างชาติในหุ้นกลุ่ม Bank Energy และ ICT และเคลื่อนไหวผันผวนแดนบวกอย่างต่อเนื่องในช่วงบ่าย ส่วนคาดการณ์ความเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทยวันนี้ (4มิ.ย.) ว่า ดัชนีมีโอกาสทะยานขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,470 จุด แต่ในระยะสั้นให้ ระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้นในหุ้นที่ปรับขึ้นมามาก ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปีที่เริ่มปรับตัวขึ้น และค่าเงินเยนที่เริ่มอ่อนค่ากลับจากระดับ 101 เยน/เหรียญสหรัฐฯ จะสนับสนุนการทำ Carry Trade และหนุนเงินทุนไหลกลับตลาดเกิดใหม่
โดยรวมคงมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นเดือน มิ.ย.-ก.ค.2557 คาดการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ECB จะมีส่วนหนุนการปรับขึ้นของสินทรัพย์เสี่ยง และหุ้นโลกในช่วง 2 เดือนนี้ จึงคงคำแนะนำ ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี เพื่อลุ้นเงินทุนต่างชาติไหลกลับตลาดเกิดใหม่จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ECB 2 แต่ควรระวังแรงทำกำไรหุ้นใหญ่ที่ปรับขึ้นมาแรง อย่าไล่ซื้อ ให้ใช้จังหวะตั้งรับ พร้อมให้แนวรับ 1,430 จุด แนวต้าน 1,460 จุด
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)แถลงหลังเข้ารับตำแหน่งใหม่อย่างเป็นทางการ ถึงแนวทางการพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ไทยให้ก้าวสู่เวทีสากล โดยจะมุ่งเน้น 3 ด้าน คือ ต่อยอด สร้างใหม่ และ ขยายฐาน ด้วยการเพิ่มจำนวนสินค้าในปัจจุบันให้หลากหลาย รวมทั้งสร้างสินค้าและบริการใหม่ตอบโจทย์นักลงทุน พร้อมเปิดตลาดสินค้าโภคภัณฑ์และตราสารหนี้ และขยายฐานผู้ลงทุนระยะยาว ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพ ตลาดทุนให้เป็นที่พึ่งพิงให้กับประเทศ อีกทั้งเพื่อเป็นตลาดชั้นนำในภูมิภาค
ในด้านต่อยอด กรรมการและผู้จัดการ ตลท.คนใหม่ กล่าวว่า ตลท.จะต่อยอดสินค้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยเพิ่มจำนวนบริษัทจดทะเบียนมากขึ้นเพื่อขยายขนาดของตลท.พร้อมเพิ่มความหลากหลายให้มีหุ้นและอนุพันธ์ประเภทใหม่ๆ ทั้งจากต่างประเทศและในประเทศเข้ามา ขณะเดียวกัน จะเดินหน้าสนับสนุนภาคธุรกิจ SMEs ให้ระดมทุนผ่านตลาดหุ้น
นอกจากนี้ ตลท.ยังมุ่งสร้างสินค้าและบริการประเภทใหม่ๆ ให้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น ครอบคลุมทุกฟังชั่นทั้งงานที่บริการแก่ลูกค้าและงานบริการหลังการซื้อขายที่เป็นมาตรฐานระดับตลาดชั้นนำ พร้อมทั้งมีแผนเพิ่มบริการหลังการซื้อขาย(post trade)ให้ครอบคลุมการบริการ
สำหารับการขยายฐาน ตลท.จะเดินหน้าสร้างความรู้ความเข้าใจด้านการลงทุนให้กับผู้ลงทุนและประชาชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลดีต่อประเทศ เนื่องจากประเทศไทยกำลังก้าวสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ (aging society) การที่ประชาชนเตรียมพร้อมก่อนเข้าสู่วัยเกษียณจึงจำเป็นอย่างยิ่ง
“ตลท.พร้อมสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนได้เข้าไปอยู่ในการจัดอันดับระดับโลกเพิ่มขึ้น อาทิ ดัชนีด้านความยั่งยืน DJSI (Dow Jones Sustainability Index) หรือการจัดอันดับด้านบรรษัทภิบาลตามมาตรฐานสากล นอกจากนี้จะพัฒนาให้การเข้าถึงตลาดและการรับข้อมูลสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ลงทุน”
นางเกศรา กล่าวว่า การทำงานช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ยังคงเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ปี 57 ที่มุ่งเพิ่มคุณภาพ บริษัทจดทะเบียน ผู้ลงทุนบุคคล สถาบันตัวกลาง และผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อรองรับกับความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายในและต่างประเทศที่สูงขึ้น พร้อมสร้างความเชื่อมโยงกับภูมิภาค รวมทั้งเดินหน้าพัฒนาประสิทธิภาพระบบโครงสร้างพื้นฐานให้เสร็จสมบูรณ์
โดย ตลท.ยังคงเป้าหมายขยายฐานนักลงทุนหน้าใหม่ที่ 80,000 บัญชี มูลค่าหลักทรัพย์(มาร์เก็ตแคป)จากบริษัทจดทะเบียนใหม่ 2.1 แสนล้านบาท จากช่วง 5 เดือนแรก(สิ้นพ.ค.) มีเพิ่มเข้ามาแล้ว 9.1 หมื่นล้านบาท ขณะที่เป้าหมายปริมาณสัญญาซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ปีนี้ที่ 75,000 สัญญา/วัน แต่ปัจจุบันได้แล้ว 71,000 สัญญา/วัน ซึ่งเชื่อทุกอย่างจะเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
ขณะที่ มาร์เก็ตแคปของตลาดรวมปีนี้ตั้งเป้าที่จะเพิ่มขึ้นแตะ 12 ล้านล้านบาท ปัจจุบันทำได้ตามเป้าหมายแล้ว ส่วนจะมีการปรับตัวเลขหรือไม่ คงต้องนำเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ตลท.พิจารณาก่อน
“ตลท.ยังคงนโยบายที่จะเดินทางไปนำเสนอข้อมูล(โรดโชว์)ให้กับนักลงทุนต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ตั้งเป้าจะจัดโรดโชว์ 7 ครั้ง ซึ่งในช่วงครึ่งแรกจัดไปแล้ว 3 ครั้งที่ยุโรป, สิงคโปร์-ฮ่องกง, สหรัฐฯและแคนนาดา ครึ่งปีหลังจะมีการจัดอีก 4 ครั้ง เริ่มจากสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปยังสิงคโปร์ และฮ่องกง ถัดไปเป็นญี่ปุ่น และย้อนกลับมาที่สิงคโปร์และฮ่องกง”
นางเกศรา กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการหารือกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ทาง คสช.ยังคงให้ตลาดทุนเปิดเสรีให้เงินทุนต่างประเทศเข้า-ออกเหมือนเดิม จะเห็นได้จากการเปิดโรดแมพ 3 ระยะ และ 10 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ตลาดหุ้นบวกขึ้นได้มา ถือ เป็นการตอบรับของทั้งนักลงทุนไทยและต่างประเทศอย่างชัดเจน ขณะเดียวกันจากการเข้าร่วมประชุม 7 องค์กรภาคเอกชนเห็นว่าการดูแลเศรษฐกิจจะเป็นบวกต่อตลาดทุน การออกกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นเครื่องมือหนึ่งในการระดมทุน ภาครัฐก็สามารระดมทุนผ่านกองทุนดังกล่าวได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้เสียงตอบรับเป็นบวก
ด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้ (3มิ.ย.) ดัชนียังเคลื่อนไหวในแดนบวก ปิดที่ 1,454.24 จุด เพิ่มขึ้น 13.30 จุด เปลี่ยนแปลง 0.92% มูลค่าการซื้อขาย 64,950.24 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,458.02 จุด และต่ำสุดที่ 1,445.37 จุด โดยนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 3,086.92 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 19.26 ล้านบาท บริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 684.99 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยเป็นผู้ขายสุทธิ 3,791.17 ล้านบาท
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย สรุปภาพรวมการเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย ดัชนีสามารถทะลุขึ้นไปยืนเหนือ 1,450 จุด ได้ด้วยแรงซื้อกลับจากนักลงทุนต่างชาติในหุ้นกลุ่ม Bank Energy และ ICT และเคลื่อนไหวผันผวนแดนบวกอย่างต่อเนื่องในช่วงบ่าย ส่วนคาดการณ์ความเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทยวันนี้ (4มิ.ย.) ว่า ดัชนีมีโอกาสทะยานขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,470 จุด แต่ในระยะสั้นให้ ระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้นในหุ้นที่ปรับขึ้นมามาก ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปีที่เริ่มปรับตัวขึ้น และค่าเงินเยนที่เริ่มอ่อนค่ากลับจากระดับ 101 เยน/เหรียญสหรัฐฯ จะสนับสนุนการทำ Carry Trade และหนุนเงินทุนไหลกลับตลาดเกิดใหม่
โดยรวมคงมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นเดือน มิ.ย.-ก.ค.2557 คาดการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ECB จะมีส่วนหนุนการปรับขึ้นของสินทรัพย์เสี่ยง และหุ้นโลกในช่วง 2 เดือนนี้ จึงคงคำแนะนำ ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี เพื่อลุ้นเงินทุนต่างชาติไหลกลับตลาดเกิดใหม่จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ECB 2 แต่ควรระวังแรงทำกำไรหุ้นใหญ่ที่ปรับขึ้นมาแรง อย่าไล่ซื้อ ให้ใช้จังหวะตั้งรับ พร้อมให้แนวรับ 1,430 จุด แนวต้าน 1,460 จุด
