แนะจับตาตัวเลขเศรษฐกิจโลก ตัวแปรการลงทุนทองคำ

บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง ชี้ราคาทองระยะนี้ยังซึมต่อเนื่องมีกรอบแนวรับที่ 1,180-1,230 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  เนื่องจากยังไร้ปัจจัยหนุน แนะหาจังหวะทยอยสะสม ระบุจับตาตัวเลขเศรษฐกิจในต่างประเทศที่จะเป็นตัวแปรหลักในการผันผวนของราคาทองคำในตลาดโลก

นายโสฬส สาครวิศว  กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GBX แนะนำการลงทุนทองคำทางเทคนิค ระหว่างวันที่ 2-6 มิถุนายน 2557 ว่า ควรรอจังหวะซื้อ หรือทยอยสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวลงมา  เนื่องจากราคาทองคำยังขาดปัจจัยบวกสนับสนุน โดยประเมินกรอบทางเทคนิค แนวรับไว้ที่ระดับ 1,180-1,230 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

ขณะเดียวกัน แนะให้จับตาปัจจัยที่จะเข้ามาเป็นตัวแปรหลักที่สำคัญของราคาทองคำ เช่น การรายงานตัวเลขดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ  ในขณะที่จีนจะรายงานตัวเลขดัชนีภาคบริการ  ประเทศในกลุ่มยูโรโซน จะรายงานตัวเลขดัชนีภาคการผลิต และสหรัฐฯ จะรายงานตัวเลขยอดจ้างงานภาคเอกชน รวมทั้งยอดดุลการค้า และดัชนีภาคบริการ นอกจานี้ ทาง Beige Book จะมีการสรุปตัวเลขเศรษฐกิจ และรายงานการประชุมธนาคารกลางยูโรโซน รวมทั้งยอดผู้ขอรับสวัสดิการสหรัฐฯ  และการแจ้งยอดจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ และอัตราว่างงานสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมา (26-30 พ.ค.57) จะปรับตัวลงจากสัปดาห์ก่อนประมาณ 42.57 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือคิดเป็น 3.30%  มาซื้อขายที่ระดับ 1,247 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยมีจุดต่ำสุดที่ 1,242.10 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  และมีจุดสูงสุดที่ 1,308  ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

โดยสาเหตุที่ราคาทองคำปรับตัวลงตลอดทั้งสัปดาห์ เนื่องจากสหรัฐฯ เผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งโดยคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด รายงานว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้น แตะระดับ 83 จากระดับ 81.7 ในเดือน เม.ย. เนื่องจากผู้บริโภคมีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นต่อเศรษฐกิจ และตลาดแรงงาน  ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน หรือสินค้าที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 3 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือน เม.ย. ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าปรับตัวลง 0.7% โดยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนถือเป็นมาตรวัดแผนการใช้จ่ายด้านทุนของภาคธุรกิจ

นอกจากนี้ รัสเซียได้ถอนกองกำลังทหารออกจากชายแดนที่อยู่ติดกับยูเครนแล้ว ในขณะที่กองทัพยูเครนยังคงเดินหน้าปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มแบ่งแยกดินแดนออกจากพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครน ส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

 อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยการประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 1/2557 โดยระบุว่า จีดีพีหดตัว 1% ซึ่งเป็นการหดตัวลงครั้งแรกในรอบ 3 ปี และเป็นการหดตัวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2554 เนื่องจากภาคเอกชนปรับลดสต๊อกสินค้าคงคลัง นอกจากนี้ อากาศที่หนาวเย็นจัดยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งทีส่งผลกระทบต่อการลงทุนยังเป็นตัวหนุนให้ราคาทองคำเริ่มสร้างฐานได้

 “ราคาทองคำปรับลงหลุดแนวรับหลังจากแกว่งตัวอยู่บริเวณ 1,268-1,308 ดอลลาร์มานานเกือบ 3 สัปดาห์ จากปัจจัยที่นักเก็งกำไรหันเข้าไปซื้อดอลลาร์ และขายยูโรออก เนื่องจากตลาดมีการคาดการณ์ว่า ต้นสัปดาห์นี้ทางธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB จะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อแก้ไขปัญหาเงินฝืด และมีแนวโน้มที่อาจทำให้ยูโรอ่อนค่าลง ซึ่งจะส่งผลให้ราคาทองคำปรับลงจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น นอกจากที่ตลาดต้องลุ้นว่าทาง ECB จะออกมาตรการกระตุ้นใดๆ ในช่วงต้นสัปดาห์นี้แล้ว ตลาดยังต้องลุ้นตัวเลขเศรษฐกิจประจำสัปดาห์ในช่วงวันศุกร์ที่จะถึง อย่างตัวเลขว่างงานสหรัฐฯ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเช่นกัน สัปดาห์นี้ ราคาทองคำจะมีความผันผวนมากเป็นพิเศษในสัปดาห์นี้” นายโสฬส กล่าว

 กรรมการผู้จัดการ บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ กล่าวว่า หากไปดูสถานะบรรดากองทุน Hedge Fund สัปดาห์ก่อนหน้านี้ในตลาดล่วงหน้าทองคำ Comex ก็เริ่มลดสถานะที่เคยถือ Long Futures ไว้ลง แถมกลับเป็นสถานะ Short แล้ว ขณะที่ในตลาด Silver Futures ก็บ่งบอกถึงเทรดเดอร์ก็ให้น้ำหนักว่าโลหะมีค่าในระยะสั้น จะได้รับผลกระทบเชิงลบจากนโยบายที่ ECB จะออกมาในอนาคตอันใกล้

  “สำหรับคนที่เก็งกำไรทองคำในบ้านเรา แม้แนวโน้มค่าเงินบาทจะอ่อนและหนุนให้ราคาทองคำในบ้านเราน่าจะได้อานิสงส์จากอัตราแลกเปลี่ยน แต่ทิศทางของราคาทองคำโลกเป็นขาลงในระยะสั้น จึงทำให้ราคาทองคำบ้านเราจะยังคงค่อยๆ ซึมลงอยู่ดี ส่วนปัจจัยทางฝั่งรัสเซีย และยูเครน ที่หนุนทองคำปรับขึ้นเร็วก่อนหน้านี้ก็ดูเบาบางลง  หลังมีข่าวรัสเซียจะถอนทหาร และหลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีในยูเครน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย  ทำให้ราคาทองคำขาดปัจจัยบวกจากส่วนนี้ไปเช่นกัน” นายโสฬส กล่าว