“ทิสโก้” ประเมินเศรษฐกิจไทยโต 2.5% หากการเมืองจบเร็วก็อาจจะแตะ 3% ระบุปัญหาไม่เกิดจากการเมืองเท่านั้น แต่เป็นเรื่องต่อเนื่องมาจากนโยบายที่ผ่านมาด้วย แนะลงทุนกลุ่มเอเชียเหนือ-ญี่ปุ่น รับผลดีจากเศรษฐกิจโลกฟื้น
นายกำพล อดิเรกสมบัติ หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU)กล่าวว่า ทิสโก้คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโตในระดับ 2.5% ซึ่งถือเป็นการเติบโตในระดับกลางๆ และอาจจะเติบโตได้ถึง 3% หากปัญหาการเมืองจบได้เร็ว เนื่องจากปัญหาของเศรษฐกิจไทยไม่ใช่เรื่องของการเมืองเท่านั้น แต่เป็นปัญหาที่ส่งต่อเนื่องมาจากนโยบายของรัฐในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาด้วย เช่น โครงการรับจำนำข้าว โครงการรถคันแรก ที่มีการสร้างภาระผูกพันมา และจะมีผลไปอีกระยะหนึ่ง
“อัตราการเติบโตที่ 2.5% นั้นก็ถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยสำหรับพื้นฐานของเศรษฐกิจไทย แต่เนื่องจากเรามีปัญหาทางการเมืองอยู่ ทำให้ภาคการลงทุน และบริโภคไม่ทำงาน โดยในไตรมาสแรกเศรษฐกิจน่าหดตัว แต่ก็ยังมีปัจจัยที่ดีอยู่บ้างในเรื่องการส่งออกที่ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเริ่มขยายตัวได้ 2% แม้ว่าส่วนหนึ่งจะมาจากการนำเข้าที่ชะลอตัวลง”
สำหรับในภาคการส่งออกของไทยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขยายตัวได้ประมาณ 2% ซึ่งหากดูในรายละเอียดแล้ว การส่งออกไปใน 4 ประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLMV หรือ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม จะมีอัตราการขยายตัวในระดับที่สูง โดยสัดส่วนการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศดังกล่าวเพิ่มเป็น 8% จากช่วง 5-6 ปีที่แล้วที่มีสัดส่วน 5% ซึ่งถือว่าเกือบเท่าตัว ดังนั้น ผู้ประกอบการหรือทางการควรพิจารณาสนับสนุนทางด้านการค้าในกลุ่มนี้มากขึ้น
คาด กนง.คง ดบ.ตลอดปี
ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงไปแล้วในการประชุมครั้งก่อน จึงคาดว่าน่าจะคงอยู่ในระดับนี้ไปจนถึงสิ้นปี เพื่อรอดูสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงทิศทางดอกเบี้ยในต่างประเทศด้วย
แนะลงทุนกลุ่มเอเชียเหนือ-ญี่ปุ่น
นายกัมพล กล่าวอีกว่า จากเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ G3 ที่มีการฟื้นตัวอย่างชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างๆ ที่ดีขึ้น เช่น การว่าจ้างงานนอกภาคเกษตร ราคาอสังหาริมทรัพย์ ดัชนีภาคการผลิตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เศรษฐกิจในกลุ่มยุโรปก็เริ่มดีขึ้นสะท้อนได้จากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลง และการระดมทุนของภาคเอกชนที่เริ่มมีการออกหุ้นกู้เพิ่มขึ้น แต่ในทั้ง 2 ประเทศก็ยังต้องจับตาดูต่อไปว่าจะมีความต่อเนื่องหรือไม่ และญีปุ่นก็ยังคงจับตาดูเช่นกัน ภายหลังการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มที่อาจทำให้การบริโภคชะลอตัว แต่ก็เชื่อว่าทางการน่าจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง
ด้านเศรษฐกิจประเทศกำลังพัฒนาอยู่ในภาวะชะลอตัวลง นำโดยเศรษฐกิจจีนที่เติบโตในอัตราที่ลดลงนั้น ส่วนหนึ่งมาจากทางการจีนเองก็ต้องการที่แตะเบรกการเติบโตเพื่อเก็บกวาดปัญหาต่างๆให้หมดไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโครงการลงทุนที่ด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มีจำนวนมากเกินไป ธนาคารเงา รวมถึงกรณีหากมีการผิดนัดชำระหนี้ ก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อระบบมากนัก เนื่องจากปริมาณที่จะมีผิดนัดถือ 3% ของสินทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์โดยรวม และทางการจีนเองก็ยังมีเครื่องมือทั้งด้านการเงิน การคลังที่ยังนำมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจไทย โดยคาดการณ์ว่าจีดีพีของจีนปีนี้น่าจะเติบโตที่ระดับ 7-8%
นอกจากนี้ ในด้านของการลงทุนเรายังแนะนำประเทศญี่ปุ่น และในกลุ่มเอเชียเหนือ ได้แก่ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ที่ได้รับผลดีจากเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่ฟื้นตัวขึ้น