ศูนย์ข้อมูลฯ เผยตลาดอสังหาฯ เขตกรุงเทพ-ปริมณฑล 4 เดือนแรกทรุดหนัก คอนโดฯ ยอดขายลดมากสุด 40% ขณะที่บ้านจัดสรรลด 5-10% ส่งผลสินค้าเหลือขายอื้อ พบบ้านจัดสรรเหลือขายกว่า 71,000 หน่วย ส่วนคอนโดฯ เหลือขาย 49,100 หน่วย หวัง คสช.เดินหน้าขับเคลื่อนการเมือง-เศรษฐกิจ ฟื้นความเชื่อมั่น เชื่อครึ่งปีหลังอสังหาฯฟื้นไข้
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยภายในงานสัมมนา เรื่อง “สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ปี 2557” ว่า ช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ตลาดที่อยู่อาศัยค่อนข้างซบเซาเนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวขณะที่ช่วง 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย.) ของปีนี้ ทำให้ยอดขายบ้านจัดสรรลดลง 5-10% และยอดขายโครงการอาคารชุดลดลงไป 40% ทำให้มีโครงการรอขายเหลืออยู่อีกเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มีโครงการเปิดขายใหม่รวม 126 โครงการ จำนวน 30,000 หน่วย แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 83 โครงการ หน่วยในผังรวม 12,000 หน่วย และอาคารชุด 43 โครงการ หน่วยในผังรวม 18,000 หน่วย ปรับลดลงเมื่อเทียบกับ 4 เดือนแรกปี 2556 ที่มีโครงการเปิดขายใหม่ 144 โครงการ หน่วยในผังรวม 44,000 หน่วย แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 78 โครงการ หน่วยในผังรวม 14,000 หน่วย และอาคารชุด 66 โครงการ หน่วยในผังรวม 30,000 หน่วย
นายสัมมา กล่าวต่อว่า ภายหลังการรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คสช. ได้ดำเนินการขับเคลื่อนทางการเมืองและเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว เห็นเป็นรูปธรรม เช่น การผลักดันให้มีการเบิกจ่ายงบประมาณของปี 2557 ซึ่งเหลือเวลาของปีงบประมาณอีกเพียง 4 เดือน การวางแผนโรดแมปร่วมกับภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจ ทำให้สามารถเรียกความมั่นใจของผู้ประกอบการ และผู้บริโภคกลับคืนมา เชื่อว่าตลาดที่อยู่อาศัยจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงตั้งแต่กลางปีนี้เป็นต้นไป
สำหรับผลสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยภาคสนามของศูนย์ข้อมูลฯ เมื่อสิ้นปี 2556 โดยเป็นโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย และมีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วย แยกตามประเภท พบว่า โครงการบ้านจัดสรรที่อยู่ระหว่างการขายในเขตกรุงเทพ-ปริมณฑล มีประมาณ 911 โครงการ จำนวน 186,200 หน่วย ในจำนวนนี้เป็นหน่วยเหลือขาย หรือเป็นอุปทานในตลาดประมาณ 72,200 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขายประมาณ 298,000 ล้านบาทโดยเป็นโครงการที่เปิดขายก่อนปี 2549 จำนวน 28 โครงการ
ในจำนวนโครงการบ้านจัดสรรทั้งหมด 911 โครงการ ในจำนวนนี้มี 526 โครงการ เป็นโครงการที่มีหน่วยขายในผังโครงการไม่เกิน 200 หน่วย ส่วนโครงการขนาดใหญ่ที่มีหน่วยขายในผังโครงการเกิน 250 หน่วยมี 288 โครงการ และจากหน่วยในผังทั้งหมด 186,200 หน่วย แบ่งเป็น ทาวน์เฮาส์ 47% บ้านเดี่ยว 41% บ้านแฝด 9% ส่วนที่เหลือเป็นอาคารพาณิชย์ และที่ดินเปล่า
แยกตามระดับราคาของหน่วยบ้านจัดสรรในผังโครงการ พบว่า ร้อยละ 25 อยู่ในช่วงราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ร้อยละ 19 อยู่ในช่วงราคา 2.01-3 ล้านบาท ร้อยละ 34 อยู่ในช่วงราคา 3.01-5 ล้านบาท และร้อยละ 22 อยู่ในช่วงราคาเกินกว่า 5 ล้านบาท
ในจำนวน 186,200 หน่วย แยกตามสถานะก่อสร้างพบว่า เป็นหน่วยที่สร้างเสร็จแล้วประมาณ 114,000 หน่วย อยู่ระหว่างการก่อสร้างประมาณ 37,700 หน่วย และยังไม่ได้เริ่มสร้างประมาณ 34,500 หน่วย
จาก 911 โครงการ ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ มากที่สุด 436 โครงการ 77,800 หน่วย เหลือขายประมาณ 23,700 หน่วย อยู่ในนนทบุรี 143 โครงการ จำนวน 32,400 หน่วย เหลือขายประมาณ 14,100 หน่วย อยู่ในปทุมธานี 122 โครงการ จำนวน 28100 หน่วย เหลือขายประมาณ 12,400 หน่วย อยู่ในสมุทรปราการ 120 โครงการ ประมาณ 29,900 หน่วย เหลือขายประมาณ 12,500 หน่วย อยู่ในสมุทรสาคร 58 โครงการ ประมาณ 13,000 หน่วย เหลือขายประมาณ 7,200 หน่วย และอยู่ในนครปฐม 32 โครงการ ประมาณ 5,000 หน่วย เหลือขาย 2,300 หน่วย
พื้นที่ที่มีหน่วยบ้านจัดสรรในผังโครงการมากที่สุด ได้แก่ เขตคลองสามวา อำเภอบางพลี อำเภอเมืองสมุทรสาคร อำเภอลำลูกกา และอำเภอบางบัวทอง ส่วนพื้นที่ซึ่งมีหน่วยบ้านจัดสรรเหลือขายมากที่สุด ได้แก่ อำเภอเมืองสมุทรสาคร อำเภอลำลูกกา อำเภอบางพลี อำเภอบางบัวทอง และอำเภอคลองหลวง
อย่างไรก็ตาม ศูนย์ข้อมูลฯ คาดว่า นับตั้งจากเดือนมกราคม- 15 พฤษภาคม 2557 จะมีโครงการที่สามารถปิดการขายได้ประมาณ 111 โครงการ ทำให้หน่วยในผังโครงการลดลงไปประมาณ 12,100 หน่วย หรือมีโครงการที่เปิดขายในตลาด จำนวน 800 โครงการ จำนวน 174,100 หน่วย และหน่วยเหลือขายลดลงประมาณ 750 หน่วย ส่งผลให้มีหน่วยเหลือขายประมาณ 71,450 หน่วย
ขณะเดียวกัน ในช่วงเวลาดังกล่าวก็มีโครงการบ้านจัดสรรเปิดใหม่อีกประมาณ 92 โครงการ จำนวน 13,900 หน่วย ทั้งนี้ หน่วยบ้านจัดสรรที่เปิดขายมากที่สุดในช่วง 4 เดือนครึ่งของต้นปีนี้ ได้แก่ จ.สมุทรปราการ พื้นที่บางกรวย บางใหญ่ บางบัวทอง ไทรน้อย และพื้นที่อำเภอลำลูกกา คลองหลวง ธัญบุรี หนองเสือ
โครงการอาคารชุด ซึ่งอยู่ในระหว่างการขายในเขตกรุงเทพ-ปริมณฑล มีจำนวน 405 โครงการ จำนวน 191,900 หน่วย ในจำนวนนี้เป็นหน่วยเหลือขาย 49,400 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 145,122 ล้านบาท โดยเป็นโครงการที่เปิดขายก่อนปี 2549 เพียง 4 โครงการ ในจำนวนนี้เป็นโครงการที่มีขนาดสูงไม่เกิน 8 ชั้น และมี 239 โครงการ มีจำนวนหน่วยในผังโครงการเกิน 400 หน่วย ในจำนวนหน่วยขาย 191,900 หน่วย เป็นห้องชุดขนาดไม่เกิน 30 ตารางเมตร ถึงร้อยละ 57
แยกตามขนาดห้องชุดพบว่า ห้องชุดขนาดสตูดิโอร้อยละ 17 ขนาด 1 ห้องนอน ร้อยละ 67 ขนาด 2 ห้องนอน ร้อยละ 14 ที่เหลือเป็นขนาดตั้งแต่ 3 ห้องนอนขึ้นไป แยกตามระดับราคา พบว่า ร้อยละ 48 เป็นห้องชุดราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ราคา 2.01-3 ล้านบาท ร้อยละ 22 ราคา 3.01-5 ล้านบาท ร้อยละ 17 และที่เหลือราคาเกินกว่า 5 ล้านบาท แยกตามสถานการณ์ก่อสร้าง พบหน่วยที่สร้างเสร็จแล้วจำนวน 60,900 หน่วย อยู่ระหว่างก่อสร้าง 82,200 หน่วย และยังไม่ได้เริ่มก่อสร้าง 48,800 หน่วย
จากโครงการที่เปิดขายทั้งหมดอยู่ในกรุงเทพฯ 317 โครงการ จำนวน 139,750 หน่วยเหลือขายประมาณ 31,000 หน่วย อยู่ในนนทบุรี 42 โครงการ จำนวน 27,850 หน่วย เหลือขายประมาณ 8,100 หน่วย อยู่ในปทุมธานี 13 โครงการ จำนวน 12,200 หน่วย เหลือขาย 6,600 หน่วย อยู่ในสมุทรปราการ 27 โครงการ จำนวน 10,600 หน่วย เหลือขาย 3,100 หน่วย และอยู่ในนครปฐม 6 โครงการ จำนวน 1,500 หน่วย เหลือขาย 550 หน่วย
เขตอำเภอที่มีหน่วยห้องชุดในผังโครงการมากที่สุด ได้แก่ อำเภอเมืองนนทบุรี เขตห้วยขวาง เขตบางซื่อ เขตบางนา และอำเภอธัญบุรี ส่วนอำเภอที่มีหน่วยเหลือขายมากที่สุด ได้แก่ อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอธัญบุรี,เขตบางชื่อ เขตห้วยขวาง และเขตบางนา
ทั้งนี้ ในช่วง 4 เดือนครึ่งที่ผ่านมา คาดว่าจะมีโครงการอาคารชุดปิดการขายได้หมดจำนวน 48 โครงการ ทำให้หน่วยในผังโครงการลดลงไปประมาณ 18,000 หน่วย หรือมีโครงการที่เปิดขายในตลาดขณะนี้ จำนวน 357 โครงการ 173,900 หน่วย และหน่วยเหลือขายลดลงประมาณ 300 หน่วย หรือมีหน่วยเหลือขายในปัจจุบัน 49,100 หน่วย
ขณะเดียวกัน ในช่วงเวลาดังกล่าวมีโครงการอาคารชุดเปิดใหม่ประมาณ 55 โครงการ จำนวน 23,600 หน่วย โดยพื้นที่ที่มีหน่วยขายเปิดใหม่มากที่สุด ได้แก่ จ.นนทบุรี พื้นที่ฝั่งธนฯ เขตห้วยขวาง ดินแดง จ. สมุทรปราการ และ จ.ปทุมธานี