ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคเคเทรด คาดว่า ตลาดหุ้นไทยน่าจะยังเคลื่อนไหวในกรอบ 1,380-1,350 จุด เนื่องจากยังไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,410 จุดขึ้นไปได้ เพราะแรงขายของนักลงทุนต่างชาติยังเป็นปัจจัยกดดันที่ทำให้การดีดตัวขึ้นของ SET ยังเปราะบาง โดยที่วานนี้นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 ติดต่อกันอีกราว 2.7 พันล้านบาท และพันธบัตรไทยอีก 1.3 พันล้านบาท ขณะที่ถ้าพิจารณาจากสถิติในปี 2556 จะพบว่าแรงขายของนักลงทุนต่างชาติมีผลต่อการปรับตัวลงของ SET มากที่สุด โดยในช่วง 113 วันที่ SET ปรับตัวลงในปี 2556 พบว่ามีถึง 84 วัน (74%) ที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในทิศทางเดียวกัน
ส่วนประเด็นที่ล่าสุด คสช. ได้มีประกาศการแต่งตั้งคณะที่ปรึกษาฯ เรามองว่านักลงทุนต่างชาติจะไม่ให้น้ำหนักต่อประเด็นดังกล่าวมากนัก เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นบุคคลเดิมที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับรัฐบาลหลังการรัฐประหารปี 2549 ขณะที่ในส่วนของนโยบายเศรษฐกิจเร่งด่วน เรามองว่านอกจากการจ่ายเงินคืนในโครงการจำนำข้าวแล้ว นโยบายอื่นๆ แทบไม่ต่างกับรัฐบาลชุดเดิม และส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดใหญ่ ที่น่าจะเป็นรูปเป็นร่างในปีหน้ามากกว่า โดยที่ล่าสุด สำนักงบประมาณตั้งเป้าจะทำงบประมาณปี 2558 ตามคำสั่ง คสช. ไว้ที่ 2.6 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปี 2557 ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ทำไว้ที่ 2.5 ล้านล้านบาท
พร้อมแนะนำกลยุทธ์การลงทุน การลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) กรณีที่ SET ยังกลับไปปิดเหนือ 1,410 จุดไม่ได้ แนะนำ “ถือเงินสด” เรามองว่าการฟื้นตัวของราคาหุ้นที่ถูกประเมินว่าได้รับผลบวกจากนโยบายเศรษฐกิจและการลงทุนของ คสช. ได้รับจิตวิทยาเชิงบวกเท่านั้น ส่วนนักลงทุนระยะกลาง (3-6 เดือน) แนะนำ “รอเพิ่มพอร์ตหุ้น” จากเดิม 50% มาเป็น 75% ที่บริเวณกรอบ 1,350-1,330 จุด โดยยังคงเน้นหุ้นกลุ่ม “Value Investing” ได้แก่ AP, SIRI, HEMRAJ, AAV, MAJOR, ESSO และ SAMART
ขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ประเมินแนวโน้มตลาดกำลังอยู่ในช่วงการย่อยปัจจัยการเมือง และแนวทางนโยบายปฏิรูปประเทศของ ศสช. ในเชิงเทคนิควันนี้ ถ้าตลาดปรับลดลงต่ำกว่าระดับ 1,390 จุด คาดยังคงอยู่ช่วงย่อยแรงขายในกรอบ 1,390-1,375 จุด แนะนำเลือกซื้ออ่อนตัว แต่ถ้า SET อยู่แดนบวกเราคาดหวังแรงซื้อเก็งกำไรเข้าสู่ตลาด ผลักราคาทางขึ้นในกรอบ 1,390-1,425 จุด แนะนำซื้อ เน้นหุ้นกลุ่มเน้นการเติบโตจากภายใน