ASTV ผู้จัดการรายวัน – หุ้นบวก 10 จุด ขานรับ 10 ที่ปรึกษาเศรษฐกิจคสช. และการเร่งแก้ไขปัญหาต่างๆ ภาพรวมสถาบัน – รายย่อยเข้าซื้อต่อเนื่อง เพราะเชื่อมั่นครึ่งปีหลังเติบโตได้ดี ขณะที่ต่างชาติยังขายออกไปอีก 2.7 พันล้านบาท รวม พฤษภาคมขายออกไปแล้ว3.1 หมื่นล้านบาท โบรกฯคาดดัชนีไปต่อ ตอบรับแนวโน้มเศรษฐกิจหลุดพ้นชะลอตัว เชื่ออนาคตดึงเม็ดเงินนอกกลับ
ตลาดหุ้นไทย วานนี้(28พ.ค.) ปิดที่ระดับ 1,402.79 จุด เพิ่มขึ้น 10.06 จุด หรือ 0.72% มูลค่าการซื้อขาย 48,667.74 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,409.73 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,398.76 จุด ภาพรวมหลายฝ่ายเชื่อการปรับตัวของดัชนีหุ้นที่เพิ่มขึ้น มาจากแรงตอบรับทีมที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของ คสช. ทำให้เรื่องการแก้ไขปัญหาต่างๆมีความชัดเจนมากขึ้น
ทั้งนี้ 5 อันดับหลักทรัพย์ ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด คือ AOT ปิดที่ 184.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท , CPALL ปิดที่ 45.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท , KBANK ปิดที่ 189.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท , KTB ปิดที่ 18.40 บาท ลดลง 0.20 บาท และ SAWAD ปิดที่ 14.10 บาท ลดลง 0.90 บาท
ภาพรวม นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิอีก 2,770.40 ล้านบาท เช่นเดียวกับบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ที่ขายสุทธฺ341.71 ล้านบาท ขณะที่สถาบันซื้อสุทธิ 2,197.86 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 914.25 ล้านบาท ทำให้โดยรวมนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิออกจากตลาดหุ้นไทยในเดือนพ.ค.แล้ว 31,592.28 ล้านบาทและตั้งแต่ต้นปีขายสุทธิไปแล้ว 36,508.22 ล้านบาท
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นได้ เนื่องจากมีsentiment เชิงบวกจากทีมที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจ และทำให้เห็นภาพคร่าวๆ ของโฉมหน้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ อีกทั้งยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้ในระดับหนึ่ง
ขณะที่แรงขายของต่างชาติในขณะนี้ เชื่อว่าได้มีการขายออกไปมากแล้ว จึงไม่น่าจะกดดันตลาดไปมากกว่านี้ นอกจากนี้สถานการณ์การเมืองโดยรวมไม่ได้มีเหตุการณ์ความรุนแรง และน่าจะเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย โดยดัชนีตอนนี้มีแนวต้นที่ 1,415 จุด หากผ่านได้ก็จะไปต่อที่ 1,425 จุด
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์เชื่อว่า แรงสนับสนุนการปรับตัวของ Set Index อีกส่วนมาจากความพอใจของประชาชน ต่อการเร่งผลักดันงานด้านเศรษฐกิจต่างๆที่มีความล่าช้า เช่นการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี การเร่งจ่ายเงินำจนำข้าวให้แก่ชาวนาที่เดือดร้อน การคงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่7%
“โดยรวม ตลาดในวันนี้ น่าจะได้รับแรงคาดหวังต่อนโยบายเศรษฐกิจ ที่คสช.ตั้งใจจะทำควบคู่ไปกับการพัฒนาประเทศ หลังรายชื่อที่ปรึกษาทั้ง 10 รายที่ออกมาได้รับการตอบที่ได้จากนักลงทุน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยบวกที่จะทำให้เชื่อได้ว่าเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้น และนั่นจะมีส่วนช่วยให้เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้น”
ตลาดหุ้นไทย วานนี้(28พ.ค.) ปิดที่ระดับ 1,402.79 จุด เพิ่มขึ้น 10.06 จุด หรือ 0.72% มูลค่าการซื้อขาย 48,667.74 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,409.73 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,398.76 จุด ภาพรวมหลายฝ่ายเชื่อการปรับตัวของดัชนีหุ้นที่เพิ่มขึ้น มาจากแรงตอบรับทีมที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของ คสช. ทำให้เรื่องการแก้ไขปัญหาต่างๆมีความชัดเจนมากขึ้น
ทั้งนี้ 5 อันดับหลักทรัพย์ ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด คือ AOT ปิดที่ 184.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท , CPALL ปิดที่ 45.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท , KBANK ปิดที่ 189.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท , KTB ปิดที่ 18.40 บาท ลดลง 0.20 บาท และ SAWAD ปิดที่ 14.10 บาท ลดลง 0.90 บาท
ภาพรวม นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิอีก 2,770.40 ล้านบาท เช่นเดียวกับบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ที่ขายสุทธฺ341.71 ล้านบาท ขณะที่สถาบันซื้อสุทธิ 2,197.86 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 914.25 ล้านบาท ทำให้โดยรวมนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิออกจากตลาดหุ้นไทยในเดือนพ.ค.แล้ว 31,592.28 ล้านบาทและตั้งแต่ต้นปีขายสุทธิไปแล้ว 36,508.22 ล้านบาท
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นได้ เนื่องจากมีsentiment เชิงบวกจากทีมที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจ และทำให้เห็นภาพคร่าวๆ ของโฉมหน้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ อีกทั้งยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้ในระดับหนึ่ง
ขณะที่แรงขายของต่างชาติในขณะนี้ เชื่อว่าได้มีการขายออกไปมากแล้ว จึงไม่น่าจะกดดันตลาดไปมากกว่านี้ นอกจากนี้สถานการณ์การเมืองโดยรวมไม่ได้มีเหตุการณ์ความรุนแรง และน่าจะเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย โดยดัชนีตอนนี้มีแนวต้นที่ 1,415 จุด หากผ่านได้ก็จะไปต่อที่ 1,425 จุด
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์เชื่อว่า แรงสนับสนุนการปรับตัวของ Set Index อีกส่วนมาจากความพอใจของประชาชน ต่อการเร่งผลักดันงานด้านเศรษฐกิจต่างๆที่มีความล่าช้า เช่นการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี การเร่งจ่ายเงินำจนำข้าวให้แก่ชาวนาที่เดือดร้อน การคงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่7%
“โดยรวม ตลาดในวันนี้ น่าจะได้รับแรงคาดหวังต่อนโยบายเศรษฐกิจ ที่คสช.ตั้งใจจะทำควบคู่ไปกับการพัฒนาประเทศ หลังรายชื่อที่ปรึกษาทั้ง 10 รายที่ออกมาได้รับการตอบที่ได้จากนักลงทุน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยบวกที่จะทำให้เชื่อได้ว่าเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้น และนั่นจะมีส่วนช่วยให้เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้น”