“ณุศาศิริ” โอดการเมืองกระทบลูกค้าต่างชาติ ฉุดเป้าขายอิลิท คาร์ดวูบ

“ณุศาศิริ” เจอพิษการเมือง ทำต่างชาติไม่กล้ามาไทย ฉุดเป้าขายอิลิท คาร์ดรูด กัดฟันเดินหน้าโรดโชว์ที่มาเลเซียตามแผน ชูจุดเด่นการันตีรายได้ 5-6% 3 ปี เผยแผนลงทุนเตรียมเปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1 หมื่นล้าน

นางศิริญา เทพเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจัยทางการเมืองส่งผลต่อภาพลักษณ์ และความเชื่อมั่นในการลงทุนในประเทศไทยอยู่แล้วก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะเมื่อมีการรัฐประหาร ยิ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น และมีผลกระทบกับแผนจำหน่ายบัตรสมาชิกพิเศษไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด (อีลิท คาร์ด) ที่กลุ่มณุศาศิริร่วมกับ อีลิท คาร์ด ทำให้ลูกค้าชาวจีนที่ลงชื่อจองไว้จำนวนมาก จากการไปโรดโชว์ที่ปักกิ่ง และคุนหมิง ประเทศจีน เมื่อเดือนที่ผ่านมาชะลอการตัดสินใจ เพราะกังวลเรื่องปัญหาการเมือง

อย่างไรก็ดี ในต้นเดือนมิถุนายน บริษัทจะยังคงเดินทางไปโรดโชว์ที่มาเลเซีย เพื่อขายอีลิท คารด์ ตามแผนเดิม เนื่องจากได้เตรียมการไว้หมดแล้ว โดยจะนำ 2 โครงการเดิมไปเสนอขาย ได้แก่ อัพ เอกมัย และปาร์ค เอ็กโซ เกษตร-นวมินทร์ จำนวนรวม 10 ยูนิต พร้อมการรันตีรายได้ 5% ในระยะเวลา 2 ปี สำหรับโครงการอัพ เอกมัย และรายได้ 6% ระยะเวลา 3 ปี สำหรับโครงการปาร์ค เอ็กโซฯ โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 60-70 ล้านบาท

“เมื่อเกิดปัญหาทางการเมืองในไทย ก็เชื่อว่าการเดินทางไปโรดโชว์ที่มาเลเซียจะไม่ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ แต่ทุกอย่างถูกเตรียมการไว้หมดแล้ว จึงไม่สามารถยกเลิกการโรดโชว์ครั้งนี้ได้”

นางศิริญา กล่าวต่อว่า แม้ที่ผ่านภาวะเศรษฐกิจจะชะลอตัว และปัญหาทางการเมือง แต่ยอดขายของบริษัทถือว่ามีกระแสตอบรับที่ดี โดยเฉพาะโครงการแนวราบที่เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางบนสำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งหลังปีนี้ บริษัทยังคงเน้นจับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน ที่มีกำลังซื้อ รวมทั้งลูกค้าชาวต่างชาติ

โดยบริษัทตั้งงบลงทุนไว้กว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนาโครงการที่เตรียมเปิดใหม่ 4 โครงการ ประกอบด้วย เลคโคโม, ชีวาณี พระราม 2, ณุศาอเวนิว และพาร์คเอ็กโซ สปอร์ตมอลล์ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยโครงการทั้งหมดได้มีการเตรียมพร้อมที่ดินไว้เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งจะเริ่มการก่อสร้างโครงการสวนน้ำ ณุศาวอเตอร์แลนด์ ในช่วงปลายปีนี้เช่นกัน

ปัจจุบัน บริษัทมี Backlog อยู่ที่ประมาณ 2,300 ล้านบาท จาก 8 โครงการ โดยปีนี้จะทยอยรับรู้รายได้จากโครงการ PARC EXO เกษตร-นวมินทร์ โครงการ Nusa Chivani Pattaya และ My Ozone โครงการแนวราบและแนวสูงที่มีอยู่เดิม ทำให้คาดว่าในปีนี้บริษัทจะมีรายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท รวมถึงมีผลประกอบการที่เป็นกำไรได้ในปีนี้

สำหรับรายได้รวมของบริษัทในช่วงไตรมาส 1/2557 มีจำนวน 360.47 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 261.47 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 98.99 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 264.14% และมีกำไรสุทธิ 36.01 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 33.66 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ จำนวน 2.35 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 1428.79% เนื่องมาจากการโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้นจากการขายโครงการแนวราบ ประกอบด้วย โครงการ ณุศาชีวาณี พัทยา เขาใหญ่ พระราม 2 พระราม 5 และณราธร จำนวน 189.5 ล้านบาท และโครงการแนวสูง เช่น Parc Exo เกษตร-นวมินทร์ จำนวน 170.94 ล้านบาท

ส่วนโรงเรียนนานาชาตินอริช (Norwich International school) ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท ถือหุ้น 49% และพันธมิตร ตั้งอยู่ในโครงการณุศาศิริ พระราม 2 บนเนื้อที่ 7.5 ไร่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างเพื่อเตรียมเปิดรับสมัครนักเรียน ในเดือน ส.ค.2557