“ณุศาศิริ” ตีปีกรับเงินหุ้นกู้สิงคโปร์กว่า 700 ล้าน เพิ่มสภาพคล่องการลงทุน หลังร่วมลงนามเซ็นสัญญากับ AO Fund พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจ ปี 57 รุกจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยว สร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบใหม่
นายวิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ลงนามเซ็นสัญญากับกองทุน Advance Opportunities Fund (AO Fund) ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ โดยกองทุนฯ ได้ลงทุนในหุ้นกู้แปลงสภาพของบริษัท คิดเป็นมูลค่ารวมจำนวน 28,000,000 เหรียญดอลลาร์สิงคโปร์ หรือเทียบเท่าจำนวน 700,000,000 บาท กับทางบริษัท
โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออก และเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพมาใช้รองรับในกรณีที่บริษัทฯ ต้องการสภาพคล่องเพื่อการลงทุน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน จำนวน 10 โครงการ หรือนำไปใช้เป็นเงินลงทุนสำหรับโครงการใหม่ที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะการซื้อที่ดินที่มีทำเลดี ทั้งนี้ ในปี 2557 NUSA มีแผนงานเบื้องต้นที่จะลงทุนในโครงการใหม่ จำนวน 2 แห่ง ประกอบด้วย The Lake Como และ Nusa Chivani พระราม 2 โดยทั้ง 2 โครงการจะมีมูลค่าโครงการรวมกว่า 3,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีแผนรุกตลาดโครงการเดิมอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงต้นปีจะเน้นการรุกตลาดโครงการแนวสูง ประกอบด้วย UP เอกมัย และ Fresh คอนโดมิเนียม ขณะที่โครงการแนวราบ บ้านเดี่ยว ทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด จะเน้นการทำตลาดกับลูกค้าต่างชาติมากขึ้น ตลอดจนเพิ่มรูปแบบการขายในส่วนของบ้านสั่งสร้าง เป็นต้น
ทั้งนี้ ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2556 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทออกหุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible Debenture) ที่ออกให้ผู้ลงทุนในต่างประเทศโดยเฉพาะเจาะจง จำนวน 600 ล้านหุ้น วงเงินไม่เกิน 700 ล้านบาท ทำการเสนอขายให้แก่ Advance Opportunities Fund (AO Fund) ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนระยะยาวในบริษัทที่มีศักยภาพ ซึ่งอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ประเทศสิงคโปร์
สำหรับอัตราการเติบโตของรายได้ในปีนี้ คาดว่าภายในเดือน ธ.ค. นี้ บริษัทจะรับรู้รายได้จากการขายคิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 1,545 ล้านบาท โดยเป็นการรับรู้รายได้จากโครงการ PARC EXO เกษตร-นวมินทร์ โครงการ My Ozone Nusa Chivani @ Pattaya และโครงการแนวราบที่มีอยู่เดิม โดยรายได้จาการขายดังกล่าวคิดเป็นอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 184.53% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 543 ล้านบาท และในปัจจุบันบริษัทมี back log อยู่ที่ประมาณ 3,400 ล้านบาท