xs
xsm
sm
md
lg

“เพอร์เฟค” ปิดดีลขายที่ดินย่านบางนาให้เดอะมอลล์กว่า 1,000 ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธีรธัชช์ สิงห์ณรงค์ธร
“เพอร์เฟค” จ่อปิดดีลขายที่ดิน 2 แปลงเกือบ 1,800 ล้านบาท ล่าสุด ปิดดีลขายที่ดินใกล้สี่แยกบางนามูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ให้กลุ่มเดอะมอลล์ ส่วนแปลงกรุงเทพกีฑา อยู่ระหว่างเจรจาคาดสรุปได้ภายในปีนี้ เผยเดินหน้าหาเชนดังบริหาร “สกี รีสอร์ท” พร้อมหาคนซื้อระบุหากให้ราคาดีขายทันที รับการเมืองยืดเยื้อกระทบยอดขาย แต่เชื่อหลังรัฐประหารสถานการณ์ดีขึ้น

นายธีรธัชช์ สิงห์ณรงค์ธร ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มสนับสนุนสายงานลงทุนสัมพันธ์ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนขายที่ดินแลนด์แบงก์ในกรุงเทพฯ 2 แปลง มูลค่ารวมกว่า 1,800 ล้านบาท เพื่อสร้างรายได้ให้แก่บริษัท และลดต้นทุนทางการเงินโดยตั้งเป้าขายให้ได้ภายในปีนี้ สำหรับที่ดินทั้ง 2 แปลง ได้แก่ ที่ดินขนาด 17 ไร่ บนถนนสุขุมวิท ในเบื้องต้นขายให้แก่กลุ่มเดอะมอลล์ เพื่อพัฒนาเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ มูลค่าขายกว่า 1,100 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติของคณะกรรมการบริษัท โดยคาดว่าจะสามารถประกาศอย่างเป็นทางการภายในเดือนมิถุนายนนี้ ส่วนที่ดินย่านกรุงเทพกรีฑา เดิมมีแผนจะขายประมาณ 800 ล้านบาท แต่ได้ลดขนาดที่ดินลงเพื่อขายราคาถูกลงตามความต้องการของกลุ่มทุนที่เข้ามาเจรจาซื้อ โดยคาดว่าจะสามารถสรุปได้ในเร็วๆ นี้
ที่ดินบริเวณสี่แยกบางนาที่กลุ่มเดอะมอลลมีแผนจะสร้างเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาความคุ้มค่า และผลตอบแทนของโรงแรม สกี รีสอร์ท ที่ญี่ปุ่น ระหว่างการขายหรือเก็บไว้ดำเนินการเอง ซึ่งในระหว่างนี้บริษัทได้เดินหน้าปรับปรุง รวมถึงเปิดให้บริการอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเจรจาเชนโรงแรมหรูเข้ามาบริหาร ซึ่งการเจรจาคืบหน้าไปกว่า 90% โดยมีการเซ็นเอ็มโอยูเรียบร้อยแล้ว ในขณะเดียวกัน บริษัทยังได้เปิดโอกาสให้นักลงทุนที่สนใจเข้ามาเจรจาซื้อโรงแรมด้วย หากให้ราคาเป็นที่น่าพอใจ หรือมากกว่า 800 ล้านบาท ซึ่งเป็นต้นทุนที่ได้ลงทุนไป ก็พร้อมที่จะขายทุนที

นายธีรธัชธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับยอดขายในช่วงไตรมาส 1 จำนวน 2,825 ล้านบาท จากเป้าทั้งปี 16,000 ล้านบาท ถือว่าปรับลดลง อย่างไรก็ตาม ยอดขายได้ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 900 ล้านบาทในเดือนเมษายน ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายเอาไว้ รวมถึงเป้ารับรู้รายได้ 15,000 ล้านบาทด้วย โดยมาจากปัจจัยด้านตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยเชื่อว่าหลังการรัฐประหาร จะทำให้สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายบ้านเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะฟื้นขึ้น เกิดการจับจ่ายใช้สอย หลังจากที่ปัญหาการเมืองได้สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจอย่างมาก
โครงการยูนิลอฟ เชียงใหม่
นอกจากนี้ บริษัทยังได้วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ 9 โครงการ มูลค่า 6,700 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขายได้อย่างมาก อีกทั้งบริษัทยังมีสินค้าพร้อมขายถึง 5,233 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้สามารถรับรู้รายได้ทันที จากเดิมที่บริษัทมีปัญหาเรื่องงานก่อสร้างคอนโดมิเนียมล่าช้าทำให้ไม่สามารถรับรู้รายได้ตามที่ตั้งเป้าเอาไว้

“ปีนี้การผลักดันยอดขายให้เติบโตคงทำได้ยาก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ และการเมืองไม่เอื้ออำนวย ดังนั้น บริษัทจะต้องหันมาลดต้นทุนการดำเนินงาน เช่น ลดงบโฆษณาจาก 3% ของยอดขาย เหลือ 2-2.5% รวมถึงต้นทุนบริหารการขาย ต้นทุนก่อสร้าง และต้นทุนต่างๆ เพื่อให้สามารถสร้างอัตรากำไรให้สูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4% จากเดิม 0.4%” นายธีรธัชธ์ กล่าว

เลื่อนขายกองทุนฯ “ยูนิลอฟ” 

ส่วนการนำโครงการยูนิลอฟ ศาลายา และเชียงใหม่ ซึ่งเป็นอพาร์ตเมนต์จับกลุ่มนักศึกษาทั้ง 2 โครงการ เดิมมีแผนจะนำเข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ขณะนี้ได้เลื่อนแผนออกไปก่อน เนื่องจากการเปลี่ยนการเรียนการสอนให้ตรงกับกลุ่มประเทศใน AEC เป็นปีการศึกษาแรกทำให้นักศึกษาหยุดเรียนยาวถึง 6 เดือน

การปิดภาคเรียนดังกล่าวส่งผลต่ออัตราเข้าพักของโครงการทั้ง 2 แห่ง เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยที่โครงการทั้ง 2 แห่งตั้งอยู่ จากเดิมที่ตั้งเป้ามีอัตราการเข้าพัก 75% ภายในสิ้นปีนี้ แต่ปัจจุบันมีอัตราการเข้าพักของเชียงใหม่ 40% และศาลา 30% อย่างไรก็ตาม คาดว่าหลังจากเปิดการเรียนการสอนปกติจะมีอัตราการเข้าพักดีขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น