“เสนา” สั่งจับตาการเมืองหลังประกาศกฎอัยการศึก ระบุตัวชี้วัดความรุนแรงคาดต่างชาติแห่เทขายหุ้น เชื่อกระทบเชื่อมั่นระยะสั้น ลุ้นปัญหาจบความเชื่อมั่นฟื้น กำลังซื้อทะลักหลังอั้นมานาน เผยตลาดอสังหาฯ เดือน เม.ย.-พ.ค.ทรุดต่อ เล็งชะลอก่อสร้างหวั่นขายไม่ทัน พร้อมโยกงบซื้อที่ดินแทน เหตุเจรจาต่อรองง่ายขึ้น
น.ส.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA) เปิดเผยว่า การประกาศกฎอัยการศึกของทหารในครั้งนี้ พิจารณาได้ 2 แนวทาง คือ 1.สถานการณ์ทากงการเมืองใกล้จะจบแล้วหลังกองทัพเข้ามาดูแลความสงบเรียบร้อย 2.ใกล้เข้าสู่เหตุการณ์ความรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง จึงยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป แต่ผลที่เกิดขึ้นขณะนี้คือ เกิดผลกระทบต่อความมั่นใจ
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่เกิดขึ้นในขณะนี้ คือ ความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ ด้วยการเทขายหุ้น หรือหน่วยลงทุนออกมามากในระยะนี้ ทำให้เกิดความผันผวนของตลาดหุ้น เงินบาทอ่อนค่า เพราะการประกาศกฎอัยการศึกถือเป็นตัวชี้วัดระดับความรุนแรงของสถานการณ์ทางการเมืองอย่างหนึ่ง สำหรับกองทุนในประเทศเองมองว่ารับรู้ถึงเหตุการณ์ต่างๆ มาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว เชื่อว่านักลงทุนรายย่อย และกองทุนในประเทศนั้นคงจะไม่เทขายหุ้นออกมา ยกเว้นหากดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงไปมากอาจจะส่งผลกระทบต่อความมั่นใจ รวมถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้
ทั้งนี้ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอาจทำให้แผนเปิดโครงการใหม่ รวมถึงแผนงานก่อสร้างต้องชะลอออกไปก่อนจนกว่าจะมีความแน่นชัด รวมถึงไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นอาจทำให้บริษัทเลื่อนการเปิดขายคอนโดมิเนียมที่เดิมมีแผนว่าจะเปิด 3-4 โครงการ แบ่งเป็น 2 โครงการใหม่ และขยายเฟสต่อเนื่องอีก 1-2 โครงการ ในช่วงที่เหลือของปี ส่วนโครงการแนวราบยังคงเปิดตามแผนเดิม จากแผนพัฒนาโครงการใหม่ 7 โครงการ
“หากหลังจากนี้ยังขายไม่ดีขึ้น บริษัทก็แผนที่จะชะลอการก่อสร้างออกไปก่อนสำหรับโครงการที่ยังไม่เริ่มก่อสร้าง เพราะหากสร้างไปแล้วจะต้องเดินหน้าสร้างต่อจนเสร็จไม่หยุดสร้างแน่นอน และจะไม่กระทบต่อการส่งมอบ แต่หากสร้างเสร็จแล้วยังขายไม่ได้บริษัทต้องแบกรับต้นทุนในการบริหารจัดการ ค่าส่วนกลาง” น.ส.เกษรา กล่าว
สำหรับเม็ดเงินที่เหลือจากงานก่อสร้างบริษัทมีแผนที่จะนำไปซื้อที่ดินเพื่อรอการพัฒนาเพิ่มเติม เนื่องจากการซื้อ-ขายที่ดินในช่วงนี้ แม้ว่าราคาจะไม่ได้ปรับลดลง แต่การเจรจาต่อรองทำได้ง่ายกว่าในอดีตมาก โดยคาดว่าจะใช้งบซื้อที่ดินเพิ่มเป็น 1,300 ล้านบาท จากแผนเดิม 1,000 ล้านบาท ปัจจุบันใช้เงินซื้อที่ดินไปแล้ว 2 แปลง มูลค่า 500 ล้านบาท
น.ส.เกษรา กล่าวต่อว่า ภาวะการขายในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ชะลอตัวลงมาก แต่เริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม ทำให้ผู้ประกอบการคาดหวังว่าตลาดจะมีทิศทางที่ดีขึ้น แต่ในเดือนเมษายน ตลาดกลับชะลอตัวลง ส่วนหนึ่งอาจมาจากวันหยุดเยอะ กระทั่งในเดือนพฤษภาคม ภาพรวมตลาดยังไม่มีท่าทีว่าจะปรับตัวดีขึ้น จนล่าสุด มีประกาศกฎอัยการศึก โดยในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดขาย 700 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายกว่า 10%
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะติดตามภาวะการขายหลังจากนี้ว่าจะปรับตัวดีขึ้นหรือไม่ หากยังทรงตัวเช่นนี้อาจมีความเป็นไปได้ที่จะปรับลดเป้าหมายการดำเนินงานลง แต่ขณะนี้ยังคงเป้าหมายเดิมเอาไว้กอ่น
“สถานการณ์หลังจากนี้ไม่สามารถบอกได้ว่าจะเป็นอย่างไร จะมีทิศทางดีขึ้นหรือไม่ ปัญหาการเมืองนจะจบลงแบบใด คงต้องรอดูสักระยะ เพราะขณะนี้ถือว่าเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าจะเป็นอย่างไร แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาพบว่า เมื่อปัญหาการเมืองสงบ ความเชื่อมั่นฟื้นกำลังซื้อจะกลับเข้ามาในตลาดเร็วเนื่องจากอั้นมามาน ทุกคนหวังว่าจะให้ปัญหาทุกอย่างจบลงเพราะปัญหาการเมืองในรอบนี้ยืดเยื้อมานานมาก” น.ส.เกษรากล่าว
ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog) ทั้งหมด 2,800 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรับรู้ในปีนี้ได้ 70% ขณะที่บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 57 อยู่ที่ 2,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% และยอดขาย อยู่ 2,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ล่าสุด SENA ร่วมมือกับธนาคารธนชาต และธนาคารยูโอบี จัดแคมเปญเพื่อกระตุ้นยอดขายบ้านและคอนโดมิเนียม โดยเป้าหมายหลักในการจัดแคมเปญนี้เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระให้แก่ประชาชนที่คิดจะกู้ซื้อบ้าน หรือคอนโดมิเนียม ในช่วงที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัว และการเมืองยังไร้เสถียรภาพ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น
แคมเปญที่จัดขึ้นมาในครั้งนี้ก็เพื่อให้ลูกค้าจ่ายน้อยที่สุด โดยรายละเอียดของแคมเปญมีดังนี้ 1.จ่ายเบาๆ เพียง 999 บาท 2.อยู่ฟรี 1 ปี 3.ฟรี ทุกค่าใช้จ่าย ณ วันโอน 4.ฟรี เฟอร์นิเจอร์ (เฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม) โครงการที่เข้าร่วมแคมเปญนี้ ประกอบด้วย 1.เดอะนิช โมโน บางนา 2.เดอะนิช ไอดี พระราม 2 3.เดอะคิทท์ คลองหลวง 4.เดอะคิทท์ ลำลูกกา-คลอง 2 5.เดอะคิทท์ พลัส นวมินทร์ 6.เดอะคิทท์ ติวานนท์ 7.เอสวิลล์ รังสิต-ลำลูกกา คลอง 4 8.เสนาแกรนด์โฮม ติวานนท์ รังสิต ระยะเวลาของโปรโมชันเริ่มตั้งแต่ 1 พ.ค.-30 มิ.ย.57 ซึ่งเชื่อว่าแคมเปญดังกล่าวจะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น โดยบริษัทซัปพอร์ตให้สูงถึง 8-9% ของราคาบ้าน โดยตั้งเป้ายอดขาย 400-500 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 2 เดือน
“การจัดแคมเปญในครั้งนี้เชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นยอดขายอสังหาฯ ให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่แนวโน้มดอกเบี้ยที่คาดว่าจะยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำจนถึงปลายปีนี้จะเป็นแรงหนุนให้ประชาชาชนตัดสินใจกู้ซื้อบ้านตัดสินใจได้ง่ายขึ้น แม้สถานการณ์การเมืองจะยังมีปัญหา” น.ส.เกษรา กล่าว