“โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์” ไตรมาส 2 ปีนี้ฟื้นกำไร 183 ล้านบาท ขณะที่งวดนี้ปีก่อนขาดทุนเกือบ 220 ล้านบาท เหตุรายได้โต แถม EBITDA เพิ่มมาเป็น 815 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าตัวจากปีที่ผ่านมา ผลจากปรับตัวเพิ่มขึ้นของผลกำไรขั้นต้นอย่างมีสาระสำคัญ ขณะค่าใช้จ่ายในการบริหารขยับไม่มาก
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA กล่าวว่า บริษัทกำไรสุทธิเติบโตจากปีก่อน 183% มาอยู่ที่ 183 ล้านบาท เมื่อเทียบกับผลขาดทุน 220 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 33% มาอยู่ที่ 4,902 ล้านบาท ขณะที่ EBITDA เพิ่มมาเป็น 815 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าตัวจากปีที่ผ่านมา ซึ่งทั้งหมดเป็นผลมาจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของผลกำไรเบื้องต้น การเพิ่มขึ้นอย่างมีสาระสำคัญของส่วนแบ่งผลกำไร และการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยของค่าใช้จ่ายในการบริหาร
โดยเป็นผลงานไตรมาส 2 ที่แข็งแกร่ง เนื่องจากธุรกิจหลักทั้ง 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) (เมอร์เมด) บริษัท โทรีเซนชิปปิ้ง สิงคโปร์ (โทรีเซนชิปปิ้ง) และบริษัท บาคองโค จำกัด (บาคองโค) ยังทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง ส่วนบริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) (UMS) ยังคงพยายามที่จะสร้างความสมดุลให้แก่โครงสร้างเงินทุนและเร่งฟื้นฟูสถานภาพทางการเงิน จึงยังคงมีผลขาดทุนสุทธิ 35 ล้านบาทในไตรมาสนี้
ทั้งนี้ รายได้รวมขยายตัว 33% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 4,902 ล้านบาท รายได้เพิ่มขึ้นจากโทรีเซนชิปปิ้ง เพิ่มขึ้น 65% จากปีก่อน จากเมอร์เมด มาริไทม์ เพิ่มขึ้น 64% จากปีก่อน และบอคองโค เพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อน ซึ่งมากกว่ารายได้ของ UMS ที่ลดลง 39% จากปีก่อน การฟื้นตัวของธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/2556 และจำนวนวันเดินเรือที่เพิ่มขึ้น ส่งผลใหอั้ตราค่าระวางเรือของโทรีเซนชิปปิ้งสูงขึ้น ในขณะเดียวกัน เมอร์เมด มาริไทม์ รับรู้รายได้จากสัญญาระยะยาวในการให้บริการดำน้ำ และบริการขุดเจาะที่ทำไว้กับซาอุดิอรามโค และลูกค้ารายอื่นในงวดนี้บริษัทมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 61% จากไตรมาสเดียวกกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 985 ล้านบาท ในส่วนของโทรีเซนชิปปิ้งเพิ่มขึ้นจากการควบคุมค่าใช้จ่าย และการเพิ่มเรือเช่าเหมาลำ (Charter-in) เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า
สำหรับเมอร์เมด แมริไทม์ มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากอัตราค่าจ้างรายวัน และจากอัตราการใช้ประโยชน์ของเรือสนับสนุนการทำงานนอกชายฝั่ง และเรือขุดเจาะที่ได้สัญญาการให้บริการระยะยาว ธุรกิจปุ๋ยของบาคองโคมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากการที่ราคาวัตถุดิบปรับตัวลดลงมากกว่าราคาขาย
ขณะมีส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุน 346 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 3,921% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่มาจากการเติบโตของส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนของเมอร์เมด มาริไทม์ ใน AOD ซึ่ง AOD มีส่วนแบ่งรายไดในไตรมาสนี้ 281 ล้านบาท พลิกจากผลขาดทุน 11 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ TTA กล่าวว่า “TTA สามารถทำผลงานได้ดีติดต่อกันอีกหนึ่งไตรมาส โดยทั้งรายได้ และผลกำไรปรับตัวดีขึ้นอย่างเป็นที่น่าพอใจ จนทำให้นี่คือผลงานของไตรมาส 2 ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา ผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจขนส่ง และกลุ่มธุรกิจพลังงานต่างก็ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราการใช้งานของเรือสูงขึ้น การได้สัญญาระยะยาว และการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ