“เฉลิมชัย” ตั้งเป้าหลังขายหุ้นเพิ่มทุน 339.84 ล้านหุ้น “โทรีเซนไทย” ได้เม็ดเงินกว่า 4 พันล้านบาท เพื่อซื้อเรือเพิ่มอีก 5-6 ลำ เสริมทัพกองเรือสินค้าแห้งเทกอง ส่วนของการนำบริษัทลูกเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยรอสรุปผลจาก ก.ล.ต. คาดเทรดทัน Q1/57 แย้มเตรียมเล็งซื้อกิจการบริษัทใหม่ แต่รอความชัดเจนไม่เกินครึ่งปีหน้า
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ ว่าที่กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ หรือ TTA กล่าวว่า หลังจากที่มติที่ประชุมบริษัทได้อนุมัติในการขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 339.84 ล้านหุ้นซึ่งคาดว่าจะได้เงินประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้ไปใช้ในการลงทุนซื้อเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองเพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 5-6 ลำในปีหน้า จากที่มีอยู่ในกองเรือทั้งหมดกว่า 38 ลำ
โดยในกองเรือขณะนี้แบ่งเป็นเรือที่บริษัทเป็นเจ้าของเองประเภทเรือ Supramax ขนาดระวางบรรทุก 50,000-60,000 ตัน จำนวน 10 ลำ และประเภทเรือ Handymax ขนาดระวางบรรทุก 30,000-40,000 ตัน จำนวน 8 ลำ และที่เหลืออีก 20 ลำ เป็นเรือที่บริษัทได้ทำการเช่าระยะยาวจากต่างประเทศ ซึ่งการซื้อเรือเพิ่มครั้งนี้เพื่อที่จะเสริมศักยภาพในธุรกิจขนส่ง โดยคาดว่าอุตสาหกรรมส่งออกในปีหน้าจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง จากการที่เศรษฐกิจในยุโรป และอเมริกาเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน
“อย่างไรก็ดี บริษัทได้แบ่งงบการลงทุนโดยคิดเป็นสัดส่วนในธุรกิจที่มีอยู่ 3 ประเภท คือ ธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือ 30% ธุรกิจบริการขุดเจาะน้ำมันและบริการใต้ทะเล 30% และธุรกิจด้านโครงสร้างพื้นฐาน 30% และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท 10% ซึ่งในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้พิจารณาหาช่องทางที่ในการทำธุรกิจที่มีความได้เปรียบคู่แข่ง และมีโอกาสทางการตลาดที่ดีกว่า ซึ่งในส่วนของการตั้งงบลงทุน 4,000 ล้านบาท ในการจัดซื้อเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง 5-6ลำ ในปีหน้าในราคาต่อลำที่ 18-19 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะมีขนาดระวางบรรจุที่ 50,000 เดทเวทตัน โดยเป็นเรือมือ 2 ของประเทศญี่ปุ่น เฉลี่ยอายุเรือประมาณ 5-7 ปี ซึ่งมองว่าเรือมือ 2 ของประเทศญี่ปุ่น มีการบริหารจัดการต้นทุนที่สะดวก ง่ายต่อการบริหารจัดการ และซ่อมบำรุง โดยจะช่วยให้บริษัทมีศักยภาพในกองเรือขนส่งสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น”
ขณะเดียวกัน ในส่วนของการนำบริษัท พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ จำกัด หรือ PMTA ผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท บาคองโค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตปุ๋ยเคมี ในประเทศเวียดนาม เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงของการพิจารณยื่นอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.โดยคาดว่าจะสามารถทำการซื้อขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไป หรือ IPO ได้ภายในไตรมาสที่ 1 ปีหน้า โดยผลประกอบการของบาคองโค ในรอบปีบัญชี 2556 ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2556 มีกำไรสูงจำนวนถึง 253 ล้านบาท และมีรายได้จำนวนทั้งสิ้น 3,229 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังได้พิจารณาที่จะเข้าควบรวมกิจการในบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับ พลังงาน ขนส่ง และ โครงสร้างพื้นฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยอยู่ในช่วงของการศึกษาข้อมูลความเป็นไปได้ และราคาที่เหมาะสม ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายภายในไตรมาสที่ 2/2557
