ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดแนวโน้มเงินบาทสัปดาห์หน้า ระหว่างวันที่ 12-16 พฤษภาคม 2557 ว่า เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.65 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยต้องจับตาสถานการณ์การเมืองในประเทศ และข้อมูลเศรษฐกิจเดือน เม.ย. ของจีน ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์ก ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือน พ.ค. ยอดค้าปลีก ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม การเริ่มสร้างบ้าน การอนุญาตก่อสร้างเดือน เม.ย. สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ ข้อมูลเงินทุนไหลเข้าเดือน มี.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังน่าจะจับตาวิกฤตในยูเครน หลังจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดนผู้ฝักใฝ่รัสเซียในภาคตะวันออกของยูเครน ยังคงยืนยันที่จะให้มีการลงประชามติเรื่องการแยกตัวเป็นเอกราชในช่วงวันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคมนี้
พร้อมสรุปภาพรวมความเคลื่อนไหวค่าเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมา (6-9 พ.ค.57) ปรากฏว่าร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบประมาณ 2 เดือนที่ 32.61 บาทต่อดอลลาร์ ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่เข้มข้นขึ้นช่วงปลายสัปดาห์ โดยเงินบาทเผชิญแรงเทขายตลอดสัปดาห์ สอดคล้องกับสถานะขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้น และพันธบัตรไทย ท่ามกลางหลายเหตุการณ์สำคัญทางการเมือง (ซึ่งกระตุ้นให้เกิดความกังวลต่ออันดับเครดิตของประเทศ) และการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมือง นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักก็เป็นปัจจัยกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าด้วยเช่นกัน
โดยในวันศุกร์ที่ 9 พ.ค.57 เงินบาทอยู่ที่ระดับ 32.60 เทียบกับระดับ 32.36 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (2 พ.ค.)
เงินยูโรกลับมาอ่อนค่าลงช่วงปลายสัปดาห์ ทั้งนี้ เงินยูโรปรับตัวขึ้นช่วงสั้นๆ ต้นสัปดาห์ จากข้อมูล PMI ภาคบริการเดือน เม.ย.2557 ของยูโรโซนที่ออกมาแข็งแกร่งกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ มติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.25% ตามเดิมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก็หนุนให้เงินยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง ก่อนจะล้างช่วงบวกทั้งหมดลงในช่วงต่อมา เนื่องจากถ้อยแถลงของประธาน ECB สะท้อนท่าทีที่เป็นกังวลต่อการแข็งค่าของเงินยูโร และส่งสัญญาณว่า ECB อาจผ่อนคลายมาตรการทางการเงินเพิ่มเติม หากเงินเฟ้อของยูโรโซนยังมีความเสี่ยงในช่วงขาลง
เงินเยนขยับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย โดยได้รับแรงหนุนในฐานะสกุลเงินปลอดภัยท่ามกลางความกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจจีน (ข้อมูล PMI ภาคบริการของจีนออกมาน่าผิดหวัง) และสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน อย่างไรก็ดี การแข็งค่าของเงินเยนเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากเงินดอลลาร์ มีแรงหนุนในช่วงกลางสัปดาห์จากถ้อยแถลงของประธานเฟด ที่ระบุถึงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่น่าจะฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 2/2557
โดยในวันศุกร์ที่ 9 พ.ค.57 เงินยูโรอยู่ที่ 1.3812 เทียบกับ 1.3870 ดอลลาร์ต่อยูโรในวันศุกร์ก่อนหน้า (2 พ.ค.) ส่วนเงินเยนอยู่ที่ 101.69 เทียบกับ 102.18 เยนต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า