วันที่ 28 เมษายน 2556 เวลา 09.56 น. ดัชนีอยู่ที่ 1,410.35 จุด เพิ่มขึ้น 2.19 จุด มูลค่าการซื้อขาย 1,202.71 ล้านบาท เปลี่ยนแปลง +0.16%
นางภรณี ทองเย็น นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส คาดว่านักลงทุนเริ่มลดน้ำหนักต่อประเด็นทางการเมืองลง เพราะการพิจารณาคดีสำคัญต่างๆ ยังต้องใช้เวลา หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีคำสั่งให้เลื่อนกำหนดการชี้แจงข้อกล่าวหา ในคำร้องว่า “ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่” ออกไป 15 วันจากกำหนดเดิม โดยจะให้เข้าชี้แจงในวันที่ 2 พ.ค.2557 และให้ไต่สวนพยานอีก 4 ปาก ในวันที่ 6 พ.ค.2557 นอกจากนี้ ป.ป.ช. ก็ยังอยู่ในช่วงพิจารณาว่าจะให้มีการสอบพยานเพิ่มในคำร้องเรื่องโครงการรับจำนำข้าวตามที่ฝ่ายผู้ถูกร้องยื่นขอหรือไม่ ดังนั้น การเคลื่อนไหวของดัชนีในสัปดาห์นี้น่าจะยังได้รับอิทธิพลจาก Fund Flow ที่ยังอยู่ในทิศทางขาเข้า และแนวโน้มผลประกอบการงวด 1Q57 ของผู้ประกอบการในภาคการผลิต ที่ประเมินว่าจะยังได้รับ sentiment เชิงบวกในทางธุรกิจ เช่น พลังงาน และ ปิโตรเคมี เป็นต้น และการที่ดัชนีหุ้นไทยมี Current PER ที่สูงราว 15 เท่า อาจทำให้ SET Index มี Upside จำกัด กลยุทธ์การลงทุนจึงยังเป็นการเลือกหุ้นรายตัว
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ระบุแนวโน้มตลาดช่วงสั้นดัชนีมีโอกาสแกว่งผันผวนลง จากความกังวลในยูเครน และตัวเลขเศรษฐกิจไทยช่วงต้นสัปดาห์ ประกอบกับสัญญาณชะลอตัวของเงินทุนไหลเข้าในช่วงสั้น เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ลดลง และเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น แต่หลังกลางสัปดาห์อาจฟื้นตัวหากตัวเลขเงินเฟ้อยูโรโซน 30 เม.ย.บ่งชี้ถึงภาวะเงินฝืด และตลาดคาดว่า ธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB จะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือมาตรการ QE ภาพตลาดพลิกเป็นลบตราบใดยังไม่ปรับขึ้นมาเกิน 1,420 จุด
กลยุทธ์การลงทุน ขึ้นเด้งแบ่งขาย 1,415-1,420 ลงรอจุดเสี่ยงซื้อ ตลาดในระดับ 1,420-1,450 จุด อยู่ในจุดเสี่ยงต่อการปรับตัวหรือผันผวน ซึ่งการหลุด 1,410 จุด ลงมาแรงอาจทำให้มีเด้ง แต่โอกาสที่ตลาดจะปรับถอยลงต่อเพิ่มสูงขึ้น โดยมีจุดเสี่ยงซื้อแรกที่ 1,380-1,390 จุด (ต้นทุนต่างชาติรอบนี้ที่ 1,385 จุด) และมี downside ของการปรับฐานที่ 1,340-1,360 จุด / หากตลาดไม่กลับไปเกิน 1,420 จุด นักลงทุนระยะสั้นยังเพียงเทรดดิ้งเท่านั้น
และเมื่อเวลา 10.02 น. ดัชนีอยู่ที่ 1,411.16 จุดเพิ่มขึ้น 3.00 จุด มูลค่าการซื้อขาย 7,196.96 ล้านบาท เปลี่ยนแปลง +0.21%
นางภรณี ทองเย็น นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส คาดว่านักลงทุนเริ่มลดน้ำหนักต่อประเด็นทางการเมืองลง เพราะการพิจารณาคดีสำคัญต่างๆ ยังต้องใช้เวลา หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีคำสั่งให้เลื่อนกำหนดการชี้แจงข้อกล่าวหา ในคำร้องว่า “ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่” ออกไป 15 วันจากกำหนดเดิม โดยจะให้เข้าชี้แจงในวันที่ 2 พ.ค.2557 และให้ไต่สวนพยานอีก 4 ปาก ในวันที่ 6 พ.ค.2557 นอกจากนี้ ป.ป.ช. ก็ยังอยู่ในช่วงพิจารณาว่าจะให้มีการสอบพยานเพิ่มในคำร้องเรื่องโครงการรับจำนำข้าวตามที่ฝ่ายผู้ถูกร้องยื่นขอหรือไม่ ดังนั้น การเคลื่อนไหวของดัชนีในสัปดาห์นี้น่าจะยังได้รับอิทธิพลจาก Fund Flow ที่ยังอยู่ในทิศทางขาเข้า และแนวโน้มผลประกอบการงวด 1Q57 ของผู้ประกอบการในภาคการผลิต ที่ประเมินว่าจะยังได้รับ sentiment เชิงบวกในทางธุรกิจ เช่น พลังงาน และ ปิโตรเคมี เป็นต้น และการที่ดัชนีหุ้นไทยมี Current PER ที่สูงราว 15 เท่า อาจทำให้ SET Index มี Upside จำกัด กลยุทธ์การลงทุนจึงยังเป็นการเลือกหุ้นรายตัว
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ระบุแนวโน้มตลาดช่วงสั้นดัชนีมีโอกาสแกว่งผันผวนลง จากความกังวลในยูเครน และตัวเลขเศรษฐกิจไทยช่วงต้นสัปดาห์ ประกอบกับสัญญาณชะลอตัวของเงินทุนไหลเข้าในช่วงสั้น เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ลดลง และเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น แต่หลังกลางสัปดาห์อาจฟื้นตัวหากตัวเลขเงินเฟ้อยูโรโซน 30 เม.ย.บ่งชี้ถึงภาวะเงินฝืด และตลาดคาดว่า ธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB จะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือมาตรการ QE ภาพตลาดพลิกเป็นลบตราบใดยังไม่ปรับขึ้นมาเกิน 1,420 จุด
กลยุทธ์การลงทุน ขึ้นเด้งแบ่งขาย 1,415-1,420 ลงรอจุดเสี่ยงซื้อ ตลาดในระดับ 1,420-1,450 จุด อยู่ในจุดเสี่ยงต่อการปรับตัวหรือผันผวน ซึ่งการหลุด 1,410 จุด ลงมาแรงอาจทำให้มีเด้ง แต่โอกาสที่ตลาดจะปรับถอยลงต่อเพิ่มสูงขึ้น โดยมีจุดเสี่ยงซื้อแรกที่ 1,380-1,390 จุด (ต้นทุนต่างชาติรอบนี้ที่ 1,385 จุด) และมี downside ของการปรับฐานที่ 1,340-1,360 จุด / หากตลาดไม่กลับไปเกิน 1,420 จุด นักลงทุนระยะสั้นยังเพียงเทรดดิ้งเท่านั้น
และเมื่อเวลา 10.02 น. ดัชนีอยู่ที่ 1,411.16 จุดเพิ่มขึ้น 3.00 จุด มูลค่าการซื้อขาย 7,196.96 ล้านบาท เปลี่ยนแปลง +0.21%
