xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดตราสารหนี้ Q1 โต 2.1% จับตาการฟื้นตัว ศก.สหรัฐฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ThaiBMA เผยตลาดตราสารหนี้ไทยไตรมาสแรกทิศทางดีขึ้น ต่างชาติไม่มีการเทขายมาก มูลค่าคงค้างทุกประเภทอยู่ที่ 9.18 ล้านล้าน เพิ่มขึ้น 2.1% ชี้ยิลด์ ตราสารระยะยาวมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น ตามสหรัฐฯ

นายนิวัฒน์ กาญจนภูมินทร์ กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ในส่วนของตลาดแรก (Primary Market) มีการซื้อขายที่ปรับตัวดีขึ้น ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557 มีมูลค่าคงค้าง (Outstanding) ในตลาดตราสารหนี้ทุกประเภทรวมกันอยู่ที่ 9.18 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.1% จากช่วงสิ้นปี 2556 หรือมีขนาด 79% ของ GDP เป็นการปรับเพิ่มขึ้นทั้งในส่วนตราสารหนี้ภาคเอกชนทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยพบว่าเอกชนระดมทุนผ่านตราสารหนี้ระยะยาว (หุ้นกู้) รวม 130,740 ล้านบาท โดยมีผู้ออกตราสารหนี้รายใหม่เพิ่มขึ้น 2 ราย

โดยการออกตราสารหนี้ระยะยาวภาครัฐมีสัดส่วนลดลงทั้งตราสารหนี้ภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และ ธปท. จนมีผลต่ออัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ระยะยาวในประเทศ ส่วนภาคเอกชนมีการระดมทุนเพิ่มมากขึ้นเกือบ 200% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าในปี 2557 นี้ส่วนตราสารหนี้ของภาคเอกชนตลอดทั้งปีนี้น่าจะอยู่ที่ 450,000 ล้านบาท ตามทิศทางของดอกเบี้ยในประเทศที่คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำอีกระยะ ตลอดทั้งปีจะมีหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนเกือบ 200,000 ล้านบาท และคาดว่าจะทำการกู้ซ้ำ (Roll -over) ประกอบกับหุ้นกู้ด้อยสิทธิของธนาคารพาณิชย์อีกจำนวน 65,000 ล้านบาท นอกจากนี้แล้วคาดว่าเอกชนจะออกหุ้นกู้ใหม่อีกประมาณ 150,000 ล้านบาท รวมทั้งปี 2557 คาดว่าจะมีหุ้นกู้ออกใหม่ทั้งหมด 450,000 ล้านบาท

ส่วนทางด้านตลาดรอง มีการซื้อขายปรับตัวเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2556 โดยการซื้อขายส่วนใหญ่เกิดขึ้นแต่ละวันเน้นไปที่ตราสารหนี้ระยะสั้น แต่การซื้อขายตราสารหนี้ระยะยาวอายุมากกว่า 1 ปีเริ่มได้รับความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้นแม้จะมีแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ แต่กลุ่มนักลงทุนในประเทศยังทยอยซื้อต่อเนื่อง ทำให้การซื้อขายตราสารหนี้ระยะยาวในช่วงไตรมาสที่ 1 อยู่ที่ประมาณวันละ 24,310 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 36% จากไตรมาสก่อนหน้า

“จากการลดขนาดมาตรการ QE ในสหรัฐฯ และตัวเลขเศรษฐกิจที่ลดลง ส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ 30,160 ล้านบาทในช่วงไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา เป็นการไหลออกในตราสารหนี้ระยะยาว 32,200 ล้านบาท ขณะที่ต่างชาติยังคงซื้อตราสารหนี้ระยะสั้นเมื่อครบอายุ ทำให้การถือครองตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557 อยู่ที่ 679,238 ล้านบาท ส่วนผลตอบแทนของตราสารหนี้ระยะยาวคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 จากการเคลื่อนไหวของผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และคาดการเมืองไทยน่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และยังมองว่าอัตราดอกเบี้ยไม่น่าจะปรับลดลงอีกในครั้งต่อไป”

นายนิวัฒน์ยังกล่าวอีกว่า แนวโน้มของตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วงไตรมาสถัดไป อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ระยะสั้นจะคงอยู่ในระดับนี้ต่อไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนการที่ JCR ได้ปรับลดแนวโน้มเรตติ้งจาก A Stable เป็น Negative เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาในเชิงลบต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยต้องหันมาแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ อย่างไรก็ดี ตัวเลขการซื้อขายของตราสารหนี้ ผลตอบแทนตลาดยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง เชื่อว่าตลาดตราสารหนี้ไทยมีความสามารถพอที่จะรับผลกระทบจากการไหลเข้าของเงินทุนได้

นายบัณฑิต นิจถาวร ประธานกรรมการสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในช่วง 3 เดือนแรกที่ผ่านมามีการชะลอตัวลงจากปัญหาการเมือง ทำให้บรรยากาศการลงทุนไม่ดี เอกชนไม่มีการขยายการลงทุนเพิ่ม การส่งออกไม่มีการขยายตัว รวมทั้งการบริโภคในประเทศที่ลดลง ส่วนปัจจัยต่างประเทศคือเงินทุนที่ไหลออกจากตลาดไทย ซึ่งมองว่าเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงนั้นเป็นผลจากเรื่องการเมืองเป็นหลัก การใช้นโยบายลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมองว่าไม่น่าจะเป็นการแก้ปัญหาตรงจุดนัก ดังนั้น ผู้เกี่ยวข้องต้องตระหนักถึงเรื่องนี้ หากในช่วงครึ่งปีหลังการเมืองยังไม่ดีขึ้นก็อาจส่งผลให้เศรษฐกิจมีการชะลอตัวลงไปอีกได้


กำลังโหลดความคิดเห็น