ผู้บริหาร บล.คันทรี่ กรุ๊ป หรือ CGS ปรับโครงสร้างเป็น Holding Company ส่งผลให้การบริหารงานมีความคล่องตัว กระจายความเสี่ยง ขยายฐานการดำเนินธุรกิจให้มีการเติบโตทางธุรกิจมากขึ้น ระบุพร้อมเปิดทางหาพันธมิตร หรือผู้ร่วมทุนใหม่เข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง รองรับการเปิด AEC
น.ส.สุดธิดา จิระพัฒน์สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CGS เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมปรับโครงสร้างกิจการ โดยจัดตั้งบริษัท Holding Company เพื่อให้สามารถขยายฐานการเติบโตทางธุรกิจมากขึ้น เพิ่มความคล่องตัวในการขยายธุรกิจ และสร้างความยืดหยุ่นในการประกอบธุรกิจใหม่ เช่น ธุรกิจอื่นๆ ที่มิใช่ธุรกิจหลักทรัพย์ ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยหน่วยงานกำกับดูแล และสามารถกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจแต่ละด้านไม่ให้กระจุกตัวอยู่กับบริษัทแม่เพียงบริษัทเดียว ขณะเดียวกัน ยังช่วยจำกัดขอบเขตความเสี่ยงที่แตกต่างกันระหว่างธุรกิจการเป็นตัวแทน และธุรกิจลงทุนด้วยเงินทุนของบริษัทโดยเตรียมเสนอในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ในวันที่ 29 เมษายน 2557 นี้
“จัดตั้งบริษัท Holding Company ถือเป็นการเปิดโอกาสในการหาพันธมิตร หรือผู้ร่วมทุนใหม่ๆ ที่มีความชำนาญเฉพาะธุรกิจ ที่ต้องการเข้ามาร่วมมือ และร่วมทุนเป็นรายธุรกิจก็สามารถทำได้ เพื่อรองรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 ภายหลังการเปิด AEC ซึ่งต้องยอมรับว่าให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรองรับ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงเพิ่มช่องทางในการหารายได้ และกระจายความเสี่ยงการดำเนินธุรกิจในอนาคต ท่ามกลางการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้น ขณะเดียวกัน ยังแบ่งแยกการรายงานฐานะการเงินที่แยกกันโดยชัดเจน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงาน ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ถือหุ้น และนักลงทุนรวมถึงบุคคลที่สนใจสามารถวิเคราะห์ และประเมินฐานะทางการเงินของกิจการได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น” น.ส.สุดธิดา กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป ยืนยันว่า แม้โครงสร้างกิจการจะเปลี่ยนเป็นรูปแบบของ Holding Company แต่ในแง่ของโครงสร้างรายได้ยังคงมีรายได้ใกล้เคียงกับรูปแบบเดิม และการบริหารงานก็ยังคงมีลักษณะคล้ายกับการบริหารงานเดิมของบริษัทฯ โดยเปลี่ยนแปลงแต่เพียงให้คณะกรรมการหลักในการกำกับดูแลกิจการ ซึ่งได้แก่ คณะกรรมการบริษัท คณะกรรมการบริหาร คณะกรรมการตรวจสอบ และคณะกรรมการชุดย่อย มาบริหารงานอยู่ที่บริษัทโฮลดิ้ง ในการกำกับดูแลกิจการ และการบริหารงาน
อย่างไรก็ตาม การประชุมปรับโครงสร้างกิจการ โดยจัดตั้งบริษัท Holding Company ครั้งนี้ จะต้องมีผู้ถือหุ้นเข้าร่วมประชุม และลงคะแนนเสียงอนุมัติไม่น้อยกว่า 75% ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัท ฉะนั้นผู้ถือหุ้นของ CGS ควรเข้าร่วมประชุมเพื่อพิจารณาผลดีของการปรับโครงสร้างกิจการบริษัท และแผนงานในอนาคต และโหวตเพื่อปรับโครงสร้างของบริษัทให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งกลุ่มการเงินทิสโก้ และกลุ่มการเงินเกียรตินาคิน ภัทร ก็ได้ดำเนินการไปแล้ว และประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง