ผู้จัดการตลาดหุ้นไทย เผยนักลงทุนต่างชาติทยอยกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยมากขึ้น เพราะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว และรับรู้ข่าวการลดวงเงิน QE ของเฟดไปแล้ว แม้สถานการณ์ปัญหาการเมืองไทยยังวุ่น แต่ บจ. เนื้อหอมผลประกอบการดี เทียบ Forward P/E ที่ 13 เท่า กับตลาดหุ้นในภูมิภาคดีที่สุดในกลุ่ม TIP
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. กล่าวว่า แนวโน้มการเทขายหุ้นไทยออกไปของนักลงทุนต่างชาติ หากพิจารณาตั้งแต่ที่สหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการ QE จนถึงปัจจุบัน ประกอบกับปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศไทยในขณะนี้เริ่มอยู่ตัวคงที่แล้วซึ่งเป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ จากปริมาณเม็ดเงินที่ 2.3 แสนล้านบาท โดยอยู่ในสถานะ oversoul ที่ขายออกไปจนใกล้จะหมดแล้ว จึงทยอยซื้อกลับเข้ามาเพิ่มมากขึ้น
“แนวโน้มของนักลงทุนต่างประเทศต่อจากนี้คาดว่าจะมีทิศทางการลงทุนที่ดีขึ้น ซึ่งจะมีประเด็นที่สำคัญๆ ได้แก่ การที่ทางธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ประกาศมาตรการลดวงเงินอัดฉีดซื้อพันธบัตรต่อเนื่องลงจนถึง 5 หมื่นล้านเหรียญต่อเดือน ซึ่งนักลงทุนโดยส่วนใหญ่รับรู้ข่าวนี้ไปแล้ว และไม่ได้มีอะไรที่แปลกใหม่ที่จะสร้างความประหลาดใจ ส่วนประเด็นถัดมา ได้แก่ ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศ ซึ่งยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน และอาจจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทย ซึ่งจะได้รับผลกระทบมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับประเภทธุรกิจ แต่จากการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ผ่านมา อยู่ในเกณฑ์ที่มีการเติบโตดี โดยอยู่ที่ 7-8% และการจ่ายปันผลก็สูงเป็นประวัติการณ์ เทียบกับ Forward P/E เทียบกับปีที่แล้ว และตลาดหุ้นในภูมิภาค โดยตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในอันดับที่ดีที่สุดในกลุ่ม TIP ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 13 เท่า แต่ทั้งนี้ ควรพิจารณาถึงความสามารถที่บริษัทจดทะเบียนทำกำไรด้วย”
อย่างไรก็ดี แนวโน้มตลาดหุ้นทั่วโลกคาดว่าจะทยอยปรับตัวดีขึ้นในปลายปีนี้ ทั้งนี้ในส่วนของงบประมาณลงทุนประจำปีของรัฐบาลที่เกี่ยวกับโครงการ Infrastructure ที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ และเลื่อนออกไปก่อนนั้น อาจจะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง เพราะจะใช้เวลานานหลายเดือนที่จะรับรู้ แต่จะเป็นการเสียโอกาสของเวลาที่จะล่าช้ามากขึ้น ทั้งนี้ นักลงทุนทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ควรวางแผนการลงทุนด้วยความระมัดระวัง