“จรัมพร” มั่นใจตลาดหุ้นไทยยังครองความเป็นผู้นำในอาเซียน ทั้งในด้านวอลุ่มการซื้อขาย และคุณภาพ บจ.ขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูง ขณะที่แผนงานตลาดฯ ได้มองไกลกว่าการแข่งขันกับตลาดหุ้นสิงคโปร์ แต่มองไปถึงการพัฒนาเพื่อให้สามารถเทียบชั้นตลาดหุ้นไต้หวัน
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ของไทยยังมีศักยภาพความเป็นผู้นำในตลาดหุ้นอาเซียน ทั้งในด้านปริมาณการซื้อขาย (วอลุ่ม) เฉลี่ยต่อวันที่เชื่อว่าจะยังคงสูงสุด เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาคอาเซียนได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ วอลุ่มการซื้อขายจะปรับลดลงเหลือ 3 หมื่นล้านบาท แต่คาดช่วงที่เหลือของปี โดยเฉพาะครึ่งปีหลังสถานการณ์จะดีขึ้น หากสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย ขณะที่เศรษฐกิจต่างประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกา ยุโรปฟื้นตัว เศรษฐกิจจีนก็ยังรักษาอัตราการเติบโตได้
ทั้งนี้ เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นทั้งการเมืองในประเทศ และเศรษฐกิจต่างประเทศที่ฟื้นตัว ก็จะหนุนให้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย หลังจากที่ขายสุทธิออกไปจำนวนมาก โดยปีที่ผ่านมา ขายสุทธิตลาดหุ้นไทยไป 2 แสนล้านบาท และช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ขายออกไปอีกประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ส่วนนักลงทุนในประเทศก็รอจังหวะที่จะเข้าลงทุน
นายจรัมพร ยืนยันว่า ขณะนี้ตลาดหุ้นไทยมีขีดความสามารถทางการแข่งขันในภูมิภาคได้ และได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดในอาเซียนในหลายๆ ด้าน ทั้งวอลุ่มการซื้อขาย จำนวนบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูง โดยเป็นรองตลาดหุ้นสิงคโปร์เพียงแค่ไม่กี่ด้าน เช่น มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เกตแคป) ซึ่งในอนาคตไทยยังมีศักยภาพที่จะสามารถพัฒนาเพื่อก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำได้
ดังนั้น ในแผนงานของตลาดหลักทรัพย์ จึงได้มองไกลกว่าการแข่งขันกับตลาดหุ้นสิงคโปร์ โดยมองไปถึงการพัฒนาเพื่อให้สามารถเทียบชั้นตลาดหุ้นไต้หวัน เพราะตลาดหุ้นไต้หวัน มีลักษณะหลายอย่างที่คล้ายตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะการเป็นตลาดหุ้น ที่มีฐานนักลงทุนรายย่อยเป็นหลัก ทำให้การพัฒนานักลงทุน และการพัฒนาผลิตภัณฑ์น่าจะมีความคล้ายคลึงกัน
ขณะเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการวางแผนงานฯ โดยมองตลาดหุ้นไต้หวันเป็นเป้าหมาย ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยจะเรียนรู้การพัฒนาจากตลาดไต้หวัน เพราะมีความคล้ายคลึงกับตลาดหุ้นไทย ซึ่งมองว่าไทยยังมีศักยภาพที่จะสามารถพัฒนาได้อีกหลายด้าน โดยเฉพาะการเพิ่มผลิตภัณฑ์ในตลาด ซึ่งจะเปิดให้บริษัทจดทะเบียนต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยโดยตรงได้ ทั้งการจดทะเบียนโดยตรง และการจดทะเบียนแบบ 2 ตลาด รวมทั้งเปิดให้มีการนำสิทธิการถือหุ้นในต่างประเทศมาออกตราสารขายในตลาดหุ้นไทยได้