บล.เอเซีย พลัส ชี้ดัชนีว่างงานสหรัฐฯ น้อยกว่าที่คาด สะท้อนการเริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน ชี้ตลาดหุ้นทั่วโลกจะได้รับอานิสงส์ หลังดาวโจนส์ก่อนปิดตลาดทะยานบวก 0.67% พร้อมแนะจับตาทิศทางความขัดแย้งทางการเมืองส่งผลต่อ Sentiment การลงทุนช่วงนี้ แนะนำกรอบแนวต้านไว้ที่ 1,370 จุด เล็งหุ้นเด่น Laggard EPS Growth สูง P/E ต่ำ เช่น DTAC, INTUCH, STEC,M, BBL และหุ้นที่กลับขึ้นคืนชีพขึ้นมามีกำไรเช่น IVL
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซีย พลัส หรือ ASP กล่าวว่า หลังจากที่ตลาดเริ่มคลายความตกใจกับถ้อยแถลงของประธาน FED บวกกับข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสหรัฐฯ อยู่ที่ 3,2000 ราย ปรับเพิ่มขึ้นแค่ 5,000 ราย ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 10,000 หมื่นราย และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน
ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยถึงดัชนีการผลิตในเขตมิด-แอตแลนติก ปรับตัวดีขึ้นในเดือนมีนาคม บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง ทำให้ดัชนีดาวโจนส์ทะยานบวกกลับกว่า 0.67% คาดว่าอาการคลายความกังวลนี้จะส่งต่อมายังตลาดเอเชียให้พลิกฟื้นตาม หลังจากที่วานนี้ตลาดส่วนใหญ่ในภูมิภาคปรับตัวลดลงเกินกว่า 1%
“อย่างไรก็ตาม จากกรณีการปิดตลาดของ SET INDEX เมื่อวานทำแท่งเทียนแดงก็เป็นอันจบข่าว แต่นี่ดีมากมายที่กลายเป็น Hammer เล็กๆ ทำให้อิทธิพลของการปรับร่วงเมื่อ 19 มี.ค.57 ดูบางลง การพลิกฟื้นที่เกิดขึ้นตาม Momentum สวิงกลับ น่าจะมีต่อเนื่องจนมาถึงวันนี้ มองแนวต้านไว้ที่ 1,370 จุด ถ้าผ่านได้ก็สบายใจหายห่วง ดัชนีน่าจะขึ้นไปทดสอบ 1,385 จุด”
ในส่วนของตลาดหุ้นไทย แม้จะได้บรรยากาศการลงทุนเชิงบวกจากตลาดหุ้นต่างประเทศ แต่ก็ต้องระมัดระวังถ้อยแถลงด้วยวาจาก่อนลงมติของศาลรัฐธรรมนูญ ต่อกรณีการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่าจะเป็นโมฆะหรือไม่ และประเด็นที่ 2 ในเรื่องการนัดอภิปรายเพื่อนำไปสู่คำวินิจฉัยต่อการกรณีที่ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ใน 28 เขตที่มีปัญหาไม่มีผู้สมัครจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งศาลได้นัดฟังการพิจารณาในเวลา 09.30 น. ของวันนี้ (21 มี.ค.) ทั้งนี้ หากผลการพิจารณาของศาลมีมติให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ จึงไม่มีความจำเป็นในการวินิจฉัยกรณี 28 เขตที่มีปัญหา ผลกระทบที่มีต่อตลาดทุนคาดว่าจะเกิดการตีความคำวินิจฉัยของนักลงทุน และนักวิเคราะห์ออกไปหลากหลายแง่มุม ซึ่งจะทำให้ตลาดมีความผันผวนสูง เผชิญทั้งแรงซื้อและแรงขาย นักลงทุนจึงควรระมัดระวังช่วงรอยต่อช่วงนี้ไว้ให้มาก
อย่างไรก็ดี แนวโน้มกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้หากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองยังไม่นิ่ง ในขณะที่ระดับดัชนีปัจจุบันมีค่า Current PER ใกล้ 15 เท่า ถือว่าแพง จึงยังให้คงน้ำหนักการลงทุน 40% ในชุดหุ้น Laggard EPS Growth สูง P/E ต่ำกว่าเฉลี่ยกลุ่ม เลือก DTAC, INTUCH, STEC, M, BBL และหุ้นที่กลับขึ้นคืนชีพขึ้นมามีกำไร IVL
