xs
xsm
sm
md
lg

วิกฤตยูเครน&รัสเซีย เดือดกดหุ้นไทยปิดตลาดเช้าร่วง 5 จุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (14 มี.ค.) ดัชนีปิดการซื้อขายภาคเช้าที่ระดับ 1,364.58 จุด ปรับตัวลดลง 5.92 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.43% มูลค่าการซื้อขายบางเบาเพียง 13,926.14 ล้านบาท จากตึงเครียดที่พุ่งสูงขึ้นในยูเครน หลังรัสเซียเปิดการซ้อมรบทางทหารใกล้ชายแดนยูเครน ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั้งภูมิภาคปรับตัวลดลง

โดย 5 อันดับหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุดในช่วงเช้า คือ

PCSGH ปิดที่ 8.70 บาท เพิ่มขึ้น +0.10 บาท หรือ +1.16% มูลค่าการซื้อขาย 1,454,224 ล้านบาท

TRUE ปิดที่ 7.60 บาท ลดลง -0.05 เปลี่ยนแปลง -0.65% มูลค่าการซื้อขาย 1,350,156 ล้านบาท

PTT ปิดที่ 294.00 บาท ลดลง -6.00 บาท หรือ -2.00% มูลค่าการซื้อขาย 741,627 ล้านบาท

ADVANC ปิดที่ 215.00 บาท ลดลง -2.00 บาท หรือ -0.92% มูลค่าการซื้อขาย 573,886 ล้านบาท

KBANK ปิดที่ 170.50 บาท ลดลง -1.50 บาท หรือ -0.87% มูลค่าการซื้อขาย 506,730 ล้านบาท

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผจก.ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซีย พลัส หรือ ASP กล่าวว่า สถานการณ์ความกังวลต่อการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ และปัญหา Shadow Bank ของจีน รวมทั้งความตึงเครียดที่พุ่งสูงขึ้นในยูเครน หลังรัสเซียเปิดการซ้อมรบทางทหารใกล้ชายแดนยูเครน ฉุดให้ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปปรับร่วงลงรุนแรง ดัชนีดาวโจนส์ ปรับลงไปกว่า 1.41% และดัชนี FTSE Eurofirst 300 ทิ้งดิ่ง 1.06% แรงกดดันจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรป ได้กดดันตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ปรับตัวลดลงในทุกกระดานกันอย่างถ้วนหน้า โดยดัชนีนิกเกอิ เปิดตลาดติดลบไปกว่า 2% ตลาดหุ้นไทย ซึ่งมีการปรับเพิ่มขึ้นมาในวานนี้กว่า 1.2% มีโอกาสสูงที่จะต้องหดตัวตามปัจจัยลบต่างประเทศ

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยประเมินว่าตลาดเริ่มถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศเชิงลบทั้งภายนอก และภายใน ซึ่งในส่วนของภายในช่วงปลายเดือนมีนาคม จะมีประเด็นการเมืองร้อนที่อาจนำไปสู่จุดเปลี่ยนอยู่หลายเรื่องที่ล้วนเป็นประเด็นข้อกฎหมายทั้งสิ้น โดยแบ่งเป็นประเด็นที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง มี 2 เรื่องที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ได้แก่ คำร้องของ กกต. ที่ขอให้ศาลวินิจฉัยว่าการจัดการเลือกตั้งใน 28 เขตที่ยังไม่มีผู้สมัครต้องทำเป็นประกาศของ กกต. หรือต้องให้รัฐบาลตราพระราชกฤษฎีการจัดการเลือกตั้งขึ้นมาใหม่ และคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ขอให้พิจารณาว่า การเลือกตั้ง 2 ก.พ.2557 เป็นโมฆะ หรือไม่ ซึ่งคาดหมายว่าน่าจะเห็นคำวินิจฉัยบางเรื่องออกมาในช่วงปลายเดือน มี.ค. หรือต้นเดือน เม.ย.2557 โดยผลที่ออกมาจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าการได้มาซึ่ง ส.ส. จนครบเกณฑ์การเปิดประชุมสภา (475 คน) จะเกิดขึ้นได้เมื่อใด

นอกจากนี้ ยังมีอีก 2 เรื่องหลักที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช. ได้แก่ การพิจารณาว่าจะมีการชี้มูลความผิด ส.ส. และ ส.ว. จำนวน 308 คน ที่มีส่วนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มา ส.ว. โดยน่าจะเริ่มเห็นผลออกมาในช่วงปลายเดือน มี.ค.2557 เช่นกัน อีกประเด็นหนึ่งเป็นการ พิจารณาคดีทุจริตรับจำนำข้าว ซึ่งนายกรัฐมนตรี ถูกแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว และ ป.ป.ช. ได้เชิญให้มาชี้แจงข้อกล่าวหาในวันที่ 14 มี.ค.2557 (วันนี้) แต่นายกรัฐมนตรีได้ขอเลื่อนกำหนดออกไป ซึ่ง ป.ป.ช. ได้อนุมัติให้เลื่อนกำหนดการมาชี้แจงออกไป 15 วัน ซึ่งก็จะครบกำหนดในวันที่ 29 มี.ค.2557 หลังจากนี้จะเป็นการสรุปว่าจะมีการชี้มูลความผิดหรือไม่ โดยหากมีการชี้มูลความผิดก็จะทำให้ต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่

สำหรับประเด็นใหม่ที่จะเกิดขึ้นมีอยู่ 2 เรื่อง คือ การไม่ต่ออายุการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่จะสิ้นสุด 22 มี.ค.2557 ซึ่งจากการประเมินสถานการณ์เชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงมาก และอีกประเด็นหนึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ 2 ล้านล้านบาท ตกไป ซึ่งหลังจากนี้ พรรคประชาธิปัตย์ จะรวบรวมรายชื่อประชาชนเพื่อดำเนิกนการถอดถอนคณะรัฐมนตรี ส่งให้ ป.ป.ช. ดำเนินการต่อไป โดยภาพรวมของสถานการณ์การเมืองถือว่าได้เดินทางเข้าใกล้จุดที่จะมีการเปลี่ยนแปลง แต่อย่างไรก็ตาม ปัญหาทางการเมืองคงจะยังไม่จบลงโดยง่าย และจะเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อ
กำลังโหลดความคิดเห็น