ธ.ก.ส.เร่งส่งเงินจำนำข้าว 20,000 ล้านบาท ที่ได้รับจากกระทรวงการคลังให้ชาวนา ชี้แจงขั้นตอนการจ่ายเงินตามใบประทวนก่อนวันที่ 9 ธันวาคม 2556 แต่ละสาขาจ่ายเงินให้แก่ชาวนาเฉลี่ย 4,000 ล้านบาท/วัน คาดใช้เวลา 3-4 วัน ส่วนชาวนามีใบประทวนหลังวันที่ 9 ธันวาคม 2556 เหลือ 800,000 ราย เป็นเงินคงค้าง 90,000 ล้านบาท รัฐบาลยังไม่สามารถหาแหล่งเงินมาจ่ายชาวนาได้ขณะนี้
หลังจาก นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงนามอนุมัติเบิกจ่ายงบกลางวงเงิน 20,000 ล้านบาท เพื่อโอนให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อกระจายเงินไปยังสาขาต่างๆ และจ่ายให้ชาวนาผู้มีใบประทวนในวันนี้
วันนี้ (19 มี.ค.) นายสุพัฒน์ เอี้ยวฉาย ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส.ได้หารือกับแกนนำกลุ่มชาวนา นำโดย นายทวีศักดิ์ วีระศักดิ์ ประธานร่วมสมาพันธ์เครือข่ายชาวนาไทย เพื่อชี้แจงขั้นตอนการจ่ายเงินตามใบประทวน โดยแต่ละสาขาจ่ายเงินให้แก่ชาวนาได้เฉลี่ย 4,000 ล้านบาทต่อวัน คาดว่าจะใช้เวลา 3-4 วัน โดยเน้นจ่ายเงินจำนำข้าวให้แก่ชาวนาที่ได้รับใบประทวนก่อนวันที่ 9 ธันวาคม 2556 ซึ่งเป็นวันประกาศยุบสภาเท่านั้น คาดว่าจะมีชาวนาได้รับเงินประมาณ 100,000 ราย ส่วนชาวนามีใบประทวนหลังวันที่ 9 ธันวาคม 2556 เหลือ 800,000 ราย เป็นเงินคงค้าง 90,000 ล้านบาท รัฐบาลยังไม่สามารถหาแหล่งเงินมาจ่ายชาวนาได้ขณะนี้
นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า ขอให้ชาวนามารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลจัดสรรงบกลางที่เหลืออีก 50,000 ล้านบาท เพื่อนำมาจ่ายให้แก่ชาวนาที่ใบประทวนค้างอยู่ หลังจากนี้ จะเดินทางไปพบกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้เห็นความสำคัญในการช่วยเหลือชาวนา เพื่อพิจารณาอนุมัติใช้งบกลางมาช่วยค่าจำนำข้าวเพิ่มเติม และรัฐบาลต้องการกู้เงินจากแหล่งต่างๆ กลุ่มผู้ชุมนุมก็ควรปล่อยให้ รัฐบาลหาแหล่งเงินอย่าไปขัดขวาง เพราะกลุ่มชาวนาต้องการทั้งปฏิรูปด้านเกษตรกรรม และต้องการให้มีการเลือกตั้ง จึงต้องการให้ทุกฝ่ายหันมาเจรจาเพื่อให้การหาเงินจำนำข้าวคืนแก่ชาวนาได้เร็วที่สุด
พร้อมกันนี้ ยังต้องการให้ ธ.ก.ส.ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้แก่ชาวนาที่เพาะปลูกข้าวในฤดูกาลใหม่ที่มีปัญหาด้านปัจจัยการผลิต หรือการออกบัตรสินเชื่อเกษตรกร สำหรับชาวนาที่ไม่ได้เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. เพื่อนำไปซื้อปัจจัยการผลิต วงเงินรายละ 3,000 บาท เมื่อชาวนาเก็บเกี่ยวผลผลิตได้จะนำเงินไปเพื่อลดการกู้นอกระบบ ซึ่งหลังจากนั้น ชาวนาจะขอความร่วมมือกับ ธ.ก.ส.ให้เป็นผู้ประสานกับผู้ประกอบการปัจจัยการผลิต และโรงสีให้ร่วมมือกันลดต้นทุนการผลิตและพัฒนาคุณภาพข้าวร่วมกับชาวนา ซึ่งมองว่าหากในอนาคตราคาข้าวขาว ความชื้น 5% มีราคาขายเพียงตันละ 9,000 บาทก็เพียงพอแล้ว